การโจมตีด้วยขีปนาวุธที่มุ่งเป้าไปยัง “เออร์บิล” เมืองหลวงของเคอร์ดิสถาน เขตกึ่งปกครองตนเองของอิรัก เป็นการตอบโต้อิสราเอลที่โจมตีโรงงานโดรนของอิหร่านในเมืองทาบริซ เจ้าหน้าที่ทางการอิหร่านและอิรักบอกกับสำนักข่าวมิดเดิ้ลอีสต์อาย หรือ MEE
เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันอาทิตย์ 13 มี.ค. มีการยิงขีปนาวุธจำนวน 12 ลูกจากดินแดนอิหร่านโจมตีเข้าไปยังอิรัก เจ้าหน้าที่ชาวเคิร์ดกล่าวว่าส่วนใหญ่ตกบริเวณฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไปทางเหนือของเออร์บิลราว 30 กม.
หน่วยพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน หรือ IRGC อ้างความรับผิดชอบการโจมตีนี้ โดยระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวกำหนดเป้าหมายไปยังสำนักงานของ “มอสสาด” หน่วยสืบราชการลับอิสราเอล ที่ตั้งอยู่ในเมืองเออร์บิล IRGC กล่าวว่าความมั่นคงและสันติภาพของอิหร่านเป็น “เส้นสีแดง” ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดคุกคาม
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านบอกกับ MEE ว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้ต่ออิสราเอล ซึ่งเปิดปฏิบัติการจากเขตเคอร์ดิสถาน โจมตีโรงงานโดรนในเมืองทาบรีซ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่าน เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
ฐานทัพอากาศทางยุทธวิธีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอิหร่านอยู่ในเมืองทาบริซ ประกอบด้วยสำนักงานใหญ่การบินของกองทัพบก ฝูงบิน เอฟ-5 และสถานีเรดาร์
เจ้าหน้าที่อิหร่านไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีที่ทาบริซ แต่สื่ออิหร่านรายงานการระเบิดครั้งใหญ่สองครั้งในเมืองนี้ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่อาคารสามชั้นในเขตยูซุฟอะบาด อับบาซี (Yusufabad Abbasi) ทางตะวันออกของทาบริซ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวในขณะนั้นว่าสาเหตุของการระเบิดไม่ชัดเจน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามคน อาคารห้าหลังได้รับความเสียหาย
การระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ส่งผลกระทบต่ออาคารหลายหลังในพื้นที่อะห์เมดาบาด (Ahmedabad) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน อีกครั้งที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่าสาเหตุยังไม่ชัดเจน
มีการคาดเดากันว่าเบื้องหลังการระเบิดเกิดจากการรั่วไหลของก๊าซ แต่ภาพถ่ายที่ตีพิมพ์ในสื่ออิหร่านแสดงให้เห็นการทำลายล้างอย่างกว้างขวางในทั้งสองเหตุการณ์ ไม่สอดคล้องกับการรั่วไหลของก๊าซ
เจ้าหน้าที่ชาวเคิร์ดกล่าวว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อิหร่านกล่าวว่าเจ้าหน้าที่อิสราเอล 2 นายเสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลบอกกับ MEE ว่าไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีเออร์บิล
ส่งข้อความ
ขีปนาวุธดังกล่าวพุ่งเข้าใส่อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหลายแห่งที่เป็นของสถานกงสุลสหรัฐฯ ช่องทีวีเคอร์ดิสถาน 24 และบ้านใกล้เคียงหลายหลังได้รับความเสียหายเช่นกัน อาคารทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบอยู่ในบริเวณเดียวกัน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่า การโจมตีนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่สหรัฐอเมริกา และไม่ได้กำหนดเป้าหมายสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ของสหรัฐฯในเมืองเออร์บิล โดยเสริมว่าไม่มีพลเมืองหรือผู้รับเหมาได้รับอันตราย
สำหรับจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากการโจมตีครั้งนี้ คือคฤหาสน์ 2 ชั้นขนาดใหญ่ในฟาร์มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว คฤหาสน์นี้เจ้าของคือ เชค บาส ราอูฟ อับดุลคาริม (Sheikh Baz Raouf Abdulkarim) ซีอีโอของ KAR Group
KAR เป็นบริษัทเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ในเมืองเออร์บิล โดยมุ่งเน้นที่โครงการด้านพลังงานเป็นหลัก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเออร์บิล แต่กลุ่มบริษัทยังมีสำนักงานในตุรกี จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา
เจ้าหน้าที่อิรักกล่าวว่าบริษัทนี้มีครอบครัวของ มัสอูด บาซานี (Massoud Barzani) ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีของเขตกึ่งปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน อิรัก ซึ่งเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของภูมิภาคนี้และเป็นลุงของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
หน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านกล่าวว่า สถานที่ต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีนั้นถูกใช้โดยมอสสาด เพื่อจัดการและเปิดปฏิบัติการที่มุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงของชาติอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดที่จะสนับสนุนการอ้างเรื่องนี้
เมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) อับดุลคาริมและนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา คาดิมี ของอิรัก ได้ไปดูคฤหาสน์ที่ถูกทำลาย นายกรัฐมนตรีอิรักเรียกร้องให้อิหร่านพิสูจน์ว่าอาคารนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานมอสสาด
ขณะที่อับดุลคาริมกล่าวว่าบ้านของเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากความทรงจำของครอบครัว “พวกเขาระเบิดบ้านของผมด้วยขีปนาวุธเพื่อฆ่าทุกอย่างในนั้น… ไม่มีความทรงจำของเราเหลืออยู่และจดหมายเหตุของครอบครัวเรา… ทุกอย่างอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง” เขากล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสสาดใช้คฤหาสน์นี้เป็นรังลับ
“คฤหาสน์ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับสถานกงสุลอเมริกันแห่งใหม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเป็นพื้นที่เปิดที่ง่ายต่อการตรวจสอบ และยังคงเป็นสถานที่ก่อสร้างที่มีคนงานก่อสร้างหลายสิบคน” เจ้าหน้าที่สหรัฐในอิรักบอกกับ MEE
“มีความคลุมเครือมากมายเกี่ยวกับประเด็นนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านพลาดเป้าหรือไม่ หรือเป้าประสงค์คือการส่งข้อความที่กำหนดเป้าหมายไปยังจุดเหล่านี้”
เจ้าหน้าที่สหรัฐเชื่อว่าอย่างหลังมีโอกาสมากกว่า และ “ข้อความถูกส่งแล้ว” พวกเขากล่าว
การโจมตีถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
เจ้าหน้าที่อิหร่าน รวมทั้งผู้นำของกลุ่มติดอาวุธอิรักที่อิหร่านหนุนหลัง และเจ้าหน้าที่อิรักที่ใกล้ชิดกับเตหะรานบอกกับ MEE ว่าการโจมตีเออร์บิลไม่ใช่กระทำ “โดยพลการ” หรือด้วย “อารมณ์”
พวกเขากล่าวว่า แม้จะรู้ว่าเป็น “สำนักงานใหญ่” ของมอสสาดมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่การตอบโต้การโจมตีตาบริซ ก็ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากความคืบหน้าในเชิงบวกของการเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และมหาอำนาจโลกอื่นๆ ในกรุงเวียนนา
การเจรจาที่กรุงเวียนนาซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 11 สัปดาห์ ถูกระงับเมื่อวันศุกร์ ภายหลังมีข้อเรียกร้องใหม่ของรัสเซีย, การยึดเรือขนส่งน้ำมันของอิหร่านโดยสหรัฐ และข้อกล่าวหาว่าวอชิงตันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
“การโจมตีมีแผนที่จะดำเนินการเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่อุปสรรคคือความหวั่นเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินการเจรจา” เจ้าหน้าที่อิหร่านกล่าวกับ MEE
“กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านไม่มั่นใจในความเป็นไปได้ของการเจรจาเหล่านี้หรือความจริงจังของชาวอเมริกันในการมอบสิ่งที่ต้องการให้กับอิหร่าน พวกเขาคิดว่าพวกเขาอดทนมาก และให้เวลากับอัล-เอตเตลาต [หน่วยข่าวกรองอิหร่าน] มากพอที่จะดำเนินการต่างๆ ตามแนวทางของพวกเขา”
การยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านในบาฮามาสโดยสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ และการปฏิเสธที่จะปล่อยเรือดังกล่าวแม้จะมีข้อเรียกร้องของอิหร่าน ได้เพิ่มความโกรธแค้นให้ผู้นำกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติที่มีต่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอิหร่าน แหล่งข่าวกล่าวกับ MEE
มัน “ทำให้พวกเขามีแรงผลักดันในการดำเนินการให้บานปลาย” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าว
เป้าคือ เวียนนา ไม่ใช่ แบกแดด
ไม่นานหลังจากการโจมตี มีการคาดเดากันมากมายว่าขีปนาวุธเหล่านั้นเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลของอิรัก
พรรคประชาธิปัตย์เคอร์ดิสถาน (KDP) ของบาร์ซานี ทำงานร่วมกับ มุกตาดาร์ อัซซาร์ด นักการศาสนาชีอะห์ที่มีอิทธิพล ซึ่งกลายเป็นผู้ชนะที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งเดือนตุลาคม 2021 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมขนาดใหญ่ที่จะกีดกันฝ่ายทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ขีปนาวุธบางส่วนถูกมองว่าเป็นข้อความส่งถึง KDP ซึ่งควบคุมเมืองเออร์บิลและรัฐบาลภูมิภาคเคอร์ดิสถาน โดยเตือนว่าอย่ากีดกันฝ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในรัฐบาลชุดต่อไป
แต่เจ้าหน้าที่อิหร่านและอิรัก รวมทั้งนักการทูตตะวันตกได้ตัดทิ้งแรงจูงใจดังกล่าว
“ชาวอิหร่านไม่ได้สูญเสียขีปนาวุธจำนวนมากกับกิจการภายในของอิรัก การโจมตีครั้งล่าสุดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงทางการเมืองในอิรัก มากเท่ากับที่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงเวียนนา” ผู้นำทางการเมืองระดับสูงของอิรักที่ใกล้ชิดกับอิหร่านบอก MEE
“ชาวอิหร่านส่งข้อความหลายข้อความในการโจมตีของพวกเขา: หนึ่งข้อความถึงอิสราเอล สองไปยังสหรัฐอเมริกา สามถึงตุรกี และสี่ถึงผู้นำของภูมิภาคเคอร์ดิสถาน”
เจ้าหน้าที่ 2 คนของสหรัฐฯ กล่าวว่า สำหรับตุรกี มีแนวโน้มว่าจะ “พัวพัน” เนื่องจากข่าวลือว่าพวกเขาได้เข้าร่วมการประชุมที่ดุเดือด ซึ่งเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอิรักพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ตุรกีและกาตาร์ไม่ให้ช่วยตะวันตกในการเรื่องก๊าซรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครน
อิหร่านและรัสเซียเป็นพันธมิตรกัน แม้ว่าการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ข้อเรียกร้องใหม่ของรัสเซียในกรุงเวียนนา
“พวกเขา [ชาวอิหร่าน] ได้บอกอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน ว่าผลประโยชน์และพันธมิตรของพวกเขาอยู่ในเป้าเล็งของอิหร่าน และถึงเวลาแล้วที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านจะยึดพวงมาลัยจากหน่วยข่าวกรองอิหร่าน” ผู้นำระดับสูงทางการเมืองของอิรักกล่าว
“สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรากฏเป็นรูปร่างของความขัดแย้งระหว่างกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านและหน่วยข่าวกรองของอิหร่านเกี่ยวกับวิธีการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอิหร่าน เป็นที่ชัดเจนว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านกำลังกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสหรัฐอเมริกาไม่รักษาการเจรจาในกรุงเวียนนา และอิสราเอลยังคงโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารของอิหร่านต่อไป”
แปล/เรียบเรียงจาก https://www.middleeasteye.net