ไขความกระจ่าง แถลงการณ์โดยองค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ (International Union of Muslim Scholars – IUMS) ภายใต้การนำของ เชคยุซุฟ กอรฎอวี นักการศาสนาชาวอียิปต์ที่ลี้ภัยและได้สัญชาติกาตาร์ ที่ “เรียกร้องโลกมุสลิมยืนข้างตุรกี” เป็นมติประชาคมนักการศาสนา หรือแค่แถลงการณ์องค์กร?? และเป็นข้อบังคับทางศาสนา (วายิบ) ที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติตามหรือไม่??
หลังเหตุตุรกีสอยเครื่องบินรัสเซียบริเวณชายแดนซีเรียจนนำมาสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างสองฝ่าย และรัสเซียเริ่มใช้มาตรการทางเศรษฐกิจตอบโต้ตุรกีนั้น ปรากฎว่าในห้วงสัปดาห์นี้ สื่อโซเชียลของสังคมมุสลิมไทยได้แชร์และเผยแพร่คำแถลงการณ์ฉบับหนึ่งกันอย่างกว้างขวาง
ในแถลงการณ์ฉบับนี้ระบุว่า สภาอุลามาอ์ (นักการศาสนา) มุสลิมทั่วโลก มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มุสลิมจำเป็น (วายิบ) ต้องให้การสนับสนุนและยืนอยู่ข้างตุรกี รวมทั้งเรียกร้องให้มุสลิมและประเทศอิสลามหนุนตุรกีในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสนับสนุนสินค้าเเละด้านเศรษฐกิจ
แถลงการณ์ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยและถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากในโลกโซเชียล สร้างความฮือฮาในสังคมมุสลิม รวมทั้งทำให้เข้าใจได้ว่าแถลงการณ์ดังกล่าว เป็นมติของนักวิชาการมุสลิมทั้งโลก รวมทั้งการให้ความหมายว่า เป็นข้อบังคับทางศาสนา (วายิบ) ที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติตาม
ขณะเดียวกันในมิติของผู้ไม่ใช่มุสลิมก็เริ่มมีการถกเถียงถึงจุดยืนของมุสลิมว่า เข้าข้างชาติมุสลิมโดยไม่ฟังอีร้าค้าอีรม และว่าประชาชาติอิสลามเลือกอยู่ฝ่ายตุรกี เพียงเพราะเป็นมุสลิมเหมือนกันเท่านั้น เช่นในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง “พันทิป” ที่มีการตั้งกระทู้และถกกันอย่างดุเดือด
เพื่อไขความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวเดอะพับลิกโพสต์ ได้ตรวจสอบจนพบว่า แถลงการณ์ดังกล่าว ออกโดย องค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ (International Union of Muslim Scholars – IUMS) ภายใต้การนำของ เชคยุซุฟ กอรฎอวี นักการศาสนาชาวอียิปต์ที่ลี้ภัยและได้สัญชาติกาตาร์
โดย แถลงการณ์ ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ลงนามโดย ยุซุฟ กอรฎอวี ประธานสหภาพฯ และ อาลี มุยิดดีน เลขาธิการ ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์ขององค์กร http://iumsonline.org มีใจความสำคัญระบุว่า
สหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยมีการยั่วยุต่างๆ นานาต่อตุรกี ทั้งพยายามบีบตุรกีผ่านมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ หรือการลากตุรกีเข้าสู่ความขัดแย้งทางพลังงาน รวมทั้งเล่นเกมในการจัดการปัญหาวิกฤติซีเรียในด้านมนุษยธรรมและช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย
ดังนั้นองค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ จึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.สหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติขอชื่นชมจุดยืนของตุรกีในฐานะผู้นำประชาชาติมุสลิมของเรา โดยเฉพาะจุดยืนต่อการปฏิวัติในซีเรีย และการเสียสละอย่างมากเพื่อสนับสนุนประชาชนซีเรียต่อต้านรัฐบาลบาชาร์ อัลอะซัด ฆาตกรที่ฆ่าประชาชนนับแสนคน และทำให้ประชาชนต้องอพยพนับล้าน
2. ขอเรียกร้องให้องค์กรมุสลิมต่างๆ และชาติผู้เป็นไท ให้การสนันสนุนตุรกีต่อจุดยืนที่กล้าหาญ การรักษาหลักการและอำนาจอธิปไตยของพวกเขา
3.ขอเรียกร้องให้พวกเราทุกคนยืนอยู่ข้างตุรกีและให้การสนับสนุนในทุกวิถีทาง และขออัลเลาะห์โปรดอำนวยพรและประทานวิทยปัญญาแก่เออร์โดกันในการช่วยเหลือสัจธรรม
4.สหภาพฯขอเน้นย้ำว่า เป็นความจำเป็นที่จะต้องให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจต่อตุรกี และเป็นหน้าที่ทางศีธรรมสำหรับมวลมุสลิม
กล่าวสำหรับ องค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ เป็นองค์กรนักวิชาการมุสลิม นำโดย เชคยูซุฟ กอรฎอวี ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศกาตาร์ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอิควาน หรือ ภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood)
ทั้งนี้ข้อมูลในวิกิพีเดียระบุว่า องค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ ถูก ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขึ้นบัญชีดำเป็นองค์กรก่อการร้ายในปี 2014 โดยรัฐบาลระบุว่า องค์กรนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม
นอกจากนั้นทั้งอียิปต์ และซาอุดิอาระเบีย ก็ขึ้นบัญชีดำ ต่อต้าน องค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ และยูซุฟ กอรฎอวี
โดยรายงานของ deepsouthwatch ระบุ การที่ซาอุฯ ต่อต้านภราดรภาพมุสลิม เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีอำนาจ
ด้วยปัจจุบันซาอุดิอาระเบียถูกรายล้อมด้วยกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ ปาเลสไตน์และกาตาร์ จึงเกรงว่ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมจะเข้าไปเผยแพร่แนวคิดต่อต้านกลุ่มวะฮาบีซาลาฟีซึ่งเป็นแนวคิดหลักของซาอุฯ และจะนำมาซึ่งการล้มล้างระบอบกษัตริย์ของซาอุฯ
ส่วนประเทศกาตาร์นั้นให้การหนุนหลังกอรฎอวี และ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม รวมทั้งกาตาร์ต้องการให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมครองอำนาจในอียิปต์ เหตุเพราะกาตาร์ไม่ต้องการให้แนวคิดซาลาฟีของซาอุฯ เรืองอำนาจ และแทรกซึมเข้าประเทศ ของตน
ทั้งนี้ ยูซุฟ กอรฎอวี เป็นนักการศาสนาชาวอียิปต์ชื่อดัง ปัจจุบันลี้ภัยและได้รับสัญชาติกาตาร์ เคยถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงอียิปต์จับกุมตัวในข้อหาเป็นสมาชิกพรรคอิควานมุสลิม และเป็นบิดาจิตวิญญาณของพรรคอิควานมุสลิม อีกทั้งออกคำวินิจฉัยส่งเสริมและยุยงให้เกิดการเข่นฆ่า และนองเลือด
ดร.ยูซุฟ ก็อรฎอวีย์ ได้ออกหนังสือ “ฟิกฮ์เซาเราะฮ์” หรือนิติศาสตร์ปฏิวัติ ซึ่งยึดหลักที่ว่า สามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ถ้าหากประเมินแล้วว่า ปฏิวัติแล้วโอกาสชนะมีมากกว่า แต่ถ้าหากประเมินแล้วโอกาสจะชนะมีน้อยก็ห้ามปฏิวัติ เพราะจะเกิดผลเสียตามมา
ซึ่งหนังสือฟิกฮ์ปฏิวัตินี้ถือเป็นสิ่งที่สร้างความสะเทือนแก่โลกอาหรับเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียที่กลัวว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นปฏิวัติ รายงานของ deepsouthwatch ระบุ
นอกจากนั้น ไวท์ชาแนล รายงานว่า ที่ผ่านมา กระทรวงเพื่อกิจการศาสนาของอียิปต์ได้สั่งยึดหนังสือและเผาทำลายหนังสือต่างๆ ของยูซุฟ กอรฎอวี พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบห้องสมุดตามมัสยิด หากพบว่ามีหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวอยู่ก็จะเข้ายึดโดยทันทีพร้อมประกาศที่จะเอาผิดกับอิมามและผู้บริหารมัสยิด
เช่นเดียวกัน อัลอะราบิยา รายงานเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่กอรฎอวีออกแถลงการณ์ ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการซาอุดิอาระเบีย มีหนังสือคำสั่งไปยังสถาบันการศึกษาในซาอุฯทั้งหมดที่อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ ให้เก็บและทำลายหนังสือของ ยุซุฟ กอรฎอวี
ในคำสั่งดังกล่าวย้ำว่า ห้ามมีการวางหนังสือที่มีเนื้อหาลักษณะดังกล่าวในห้องสมุดต่างๆ ยกเว้นหนังสือที่มีเนื้อหาได้รับอนุญาตจากกระทรวงเท่านั้น
และที่สำคัญในวันนี้ (4 ธ.ค) เว็บไซต์ข่าวของอียิปต์อย่าง เดลี่นิวส์อียิปต์ ก็เผยแพร่ข่าวว่า กอรฎอวี เป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวอย่างสูงของตำรวจสากล ซึ่งการเผยแพร่ข่าวในห้วงเวลานี้จึงน่าจะมีนัยยะที่เกี่ยวข้องกับแถลงการณ์ดังกล่าวของเชคกอรฎอวี
กล่าวสำหรับ มุมมองของ เชคยูซุฟ กอรฎอวี ต่อบมุสลิมชีอะห์นั้น ในอดีตนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีและไม่เคยด่าประณาม แต่มาในช่วงหลายปีหลัง กอรฎอวีกลับต่อต้านและกล่าวประณามชีอะห์อย่างหนักหน่วง ซึ่งสาเหตุก็เพราะบุตรชายคนหนึ่งของกอรฎอวีเปลี่ยนไปเป็นมุสลิมแนวทางชีอะห์ จนนำมาสู่พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของกอรฎอวี
นอกจากนี้ กอรฎอวี ยังได้รับฉายาจากสื่อมวลชนและโลกอาหรับบางส่วนว่าเป็น “นักการศาสนาของนาโต้” (the NATO Mufti) เพระมักออกคำวินิจฉัยที่สอดคล้องและรองรับแนวทางและคำประกาศของนาโตเสมอมาเมื่อมีวิฤตหรือสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโลกมุสลิม
จากข้อมูลข้างต้น ที่แม้แต่จุดยืนประเทศมุสลิมระดับนำอย่างซาอุฯ อียิปต์ ยูเออี และการ์ตาร์ ที่มีต่อเชคยูซุฟ กอรฎอวี นั้นยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่า แถลงการณ์ให้มุสลิมและประเทศอิสลามหนุนตุรกีในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสนับสนุนสินค้าเเละเศรษฐกิจ นั้น จึงเป็นเพียงแค่แถลงการณ์ของกลุ่มบุคคล และองค์กรเอกชนหนึ่งเท่านั้น มิใช่ในฐานะมติของประชาคมมุสลิม รวมทั้งมิใช่ข้อบังคับทางศาสนา (วายิบ) แต่เป็นคำเรียกร้องและเชิญชวนเท่านั้น สุดแท้แต่มุสลิมจะปฏิบัติตามหรือไม่!!