อัลจาซีรา – อิหร่านและซาอุดีอาระเบียได้ตกลงที่จะฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง และจะเปิดสถานทูตระหว่างกันภายในสองเดือน ตามรายงานของสื่อทางการของอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย
การบรรลุข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ 10 มี.ค. ระหว่างการพูดคุยในกรุงปักกิ่ง
สำนักข่าว SPA ของทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันข้อตกลงนี้และเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมจากซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ซึ่งกล่าวว่าทั้งสองประเทศตกลงที่จะเคารพอธิปไตยของชาติและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ริยาดและเตหะรานตกลงที่จะเปิดใช้งานข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ลงนามกันในปี 2011
ริยาด เตหะราน และปักกิ่ง “แสดงความกระตือรือร้นที่จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ” แถลงการณ์ระบุ
สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่านอ้างคำพูดของนายพลอาลี ชามคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน ว่าการเจรจาในกรุงปักกิ่ง “ชัดเจน โปร่งใส ครอบคลุม และสร้างสรรค์”
“การขจัดความเข้าใจผิดและมุมมองที่มุ่งไปสู่อนาคตในความสัมพันธ์ระหว่างเตหะรานและริยาด จะนำไปสู่การปรับปรุงเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการเพิ่มความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซียและโลกของอิสลามในการจัดการกับความท้าทายในปัจจุบัน” ชามคานีกล่าว
ริยาดยุติความสัมพันธ์กับเตหะรานในปี 2016 หลังจากผู้ประท้วงบุกโจมตีที่ทำการทางการทูตของซาอุดีอาระเบียในอิหร่าน โดยก่อนหน้านี้ซาอุดีอาระเบียได้ประหารชีวิตนักวิชาการมุสลิมชีอะฮ์ชาวซาอุฯ ซึ่งจุดชนวนการประท้วง
อิหร่านที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชีอะห์และซาอุดีอาระเบียที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือนิกายสุหนี่สนับสนุนฝ่ายคู่แข่งในพื้นที่ความขัดแย้งหลายแห่งทั่วตะวันออกกลาง รวมถึงในเยเมน ซึ่งกลุ่มกบฏฮูซีได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน ขณะที่ริยาดเป็นผู้นำแนวร่วมทางทหารที่สนับสนุนรัฐบาล
นอกจากสงครามในเยเมนแล้ว อิหร่านและซาอุดิอาระเบียยังเป็นคู่แข่งกันในเลบานอนและซีเรียอีกด้วย ดังนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างเตหะรานและริยาดอาจส่งผลต่อการเมืองทั่วทั้งตะวันออกกลาง