คาลเท็กซ์ เจาะตลาดน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรม เปิดตัว “คาลเท็กซ์ เอชแด็กซ์® 9500 SAE 40”

คาลเท็กซ์ เจาะตลาดน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรม เปิดตัว “คาลเท็กซ์ เอชแด็กซ์® 9500 SAE 40” รองรับการใช้แก๊สชีวภาพเพิ่มขึ้น

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน และเดโล่ เจาะกลุ่มตลาดน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรมเกรดพรีเมียม ด้วยการเปิดตัว “คาลเท็กซ์ เอชแด็กซ์® 9500 SAE 40” น้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊สชีวภาพ ซึ่งมีสารป้องกันการกัดกร่อนของอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์จากกรด ป้องกันการสึกหรอ ช่วยเพิ่มสมรรถนะและยืดระยะเวลาการทำงานของเครื่องยนต์ อีกทั้งตอบโจทย์ความต้องการของโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น

นายสันติศักดิ์ ไทยพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “อุตสาหกรรมไฟฟ้านับได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีอัตราการขยายตัวตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคครัวเรือน การก่อสร้าง การบริการ ภาคการท่องเที่ยว และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของธุรกิจการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตที่ดีขึ้น ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 2.8-3.8% ต่อปี ซึ่งกลุ่มโรงไฟฟ้า อย่างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวภาพ โรงไฟฟ้าชุมชน โรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้ หรือ ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer: VSPP) คาดว่าการลงทุนจะขยายตัวสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ภาครัฐมีแผนรับซื้อไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ”

“เชฟรอนเองในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมด้านพลังงานระดับโลก เล็งเห็นโอกาสที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันเกรดพรีเมียม ตอบสนองการขยายตัวของตลาดน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรม โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “คาลเท็กซ์  เอชแด็กซ์® 9500 SAE 40” (Caltex HDAX® 9500 SAE 40) สำหรับเครื่องยนต์แก๊สที่ใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สชีวภาพ แก๊สฝังกลบ และแก๊สจากการหมัก ผ่านการพัฒนาสูตรด้วยน้ำมันพื้นฐานระดับพรีเมียม ที่มีปริมาณซัลเฟอร์ ไนโตรเจน และ อะโรเมติกส์ต่ำ ร่วมกับสารเพิ่มคุณภาพที่ประกอบไปด้วย สารช่วยกระจายตัวแบบไร้เถ้า สารยับยั้งการเกิดออกซิเดชัน สารทำความสะอาด และสารป้องกันการสึกหรอ ซึ่งให้ความต้านทานการกัดกร่อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Caltex HDAX® 9500 SAE 40 ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์สี่จังหวะที่ใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สชีวภาพ แก๊สฝังกลบ และแก๊สจากการหมัก ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายสำหรับโรงไฟฟ้า และช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ”

Caltex HDAX® 9500 SAE 40 มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปกป้องและเติมเต็มประสิทธิภาพและการดำเนินงานของเครื่องจักร

  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมัน

มีความสามารถในการต้านทานต่อการเกิดออกซิเดชัน ไนเตรชันที่ยอดเยี่ยม และคุณลักษณะการรักษาความเป็นด่างที่ดี ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น แม้กระทั่งในเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้ใช้อัตราการป้อนน้ำมันที่ต่ำมาก และใช้งานกับแก๊สจากการฝังกลบที่มีความเป็นกรดสูง

  • ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน

ควบคุมการสะสมตัวของตะกอนต่าง ๆ บริเวณลูกสูบที่ดีเยี่ยม ทั้งช่วยป้องกันการสึกหรอของปลอกสูบ ป้องกันการสึกหรอจากการเสียดสี ทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนยาวนานขึ้น

  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ด้วยปริมาณสารช่วยกระจายเขม่า และสารทำความสะอาดที่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสม ช่วยให้เครื่องยนต์มีความสะอาด และความสามารถในการต้านทานการเกิดออกซิเดชัน ไนเตรชัน ช่วยรักษาความหนืดของน้ำมัน และลดการสะสมของตะกอน รวมถึงช่วยป้องกันการอุดตันของไส้กรองและการเกิดตะกอนบนฝาสูบ

  • ยืดอายุเครื่องยนต์ไปจนถึงรอบการยกเครื่องใหม่

สารเพิ่มคุณภาพในการต้านทานการสึกหรอ ช่วยป้องกันการสึกหรอของชุดวาล์ว และระดับเถ้าที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสม ยังช่วยควบคุมการสึกหรอของวาล์วได้ดีเยี่ยม ลดปัญหาการชิงจุดระเบิดได้

  • เข้ากันได้กับอุปกรณ์บำบัดไอเสีย

สารเพิ่มคุณภาพฟอสฟอรัสต่ำเหมาะสำหรับใช้กับระบบที่มีอุปกรณ์เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา

“สำหรับในช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เราได้จัดเตรียมแผนการตลาดเพื่อการสร้างแบรนด์ ขยายฐานการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ แผนสนับสนุนการขาย และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่น ๆ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คาลเท็กซ์ เอชแด็กซ์® 9500 SAE 40 ในครั้งนี้ จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในธุรกิจการผลิตไฟฟ้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ให้การปกป้องเป็นพิเศษ  ช่วยยืดอายุการใช้งานน้ำมันได้นานขึ้น ลดปริมาณการใช้น้ำมันหล่อลื่น และลดต้นทุนในการดำเนินงาน ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากของเสียจากการใช้น้ำมันอีกด้วย” นายสันติศักดิ์ กล่าวสรุป