ทีมเจรจาฮามาสปล่อยตัวประกันไทย เผยความรู้สึก “เหมือนถูกรัฐบาลหักหลัง”

วันนี้ 4 ธ.ค.  ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำมุสลิมชีอะห์ไทย หนึ่งในบุคคลสำคัญหลังฉากร่วม”วันนอร์” จัดตั้งทีมเจรจากับฮามาสช่วยเหลือประกันไทย ให้สัมภาษณ์สื่อ เผย “รู้สึกเหมือนถูกรัฐบาลหักหลัง” เมื่อได้เห็นตัวประกันไทยที่ถูกปล่อยตัวเดินทางกลับถึงไทยด้วยเสื้อสกรีนธงชาติอิสราเอล

“ทันทีที่เห็นภาพนี้ ผมและคณะทำงาน ทั้งของอาจารย์วันนอร์และทีมงานของผมมีความรู้สึกว่า เหมือนโดนรัฐบาลหักหลังเลย” ซัยยิดสุไลมานกล่าวในการให้สัมภาษณ์ รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการ “หมาแก่-แมวสาว” ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เเรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัวเดินทางกลับถึงประเทศไทยชุดแรกจำนวน 17 คน  โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปอิสราเอลเพื่อเยี่ยมคนเจ็บและแรงงานไทยที่ถูกปล่อยตัวออกมา ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับคนไทยเหล่านี้และมีการจัดแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้วีดีโอคอล มาหาแรงงานไทยทั้ง 17 คน  แสดงความยินดีที่ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย  พร้อมถามไถ่ความเป็นอยู่

อย่างไรก็ตาม เกิดกระแสวิพาษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยในสื่อโซเชียลว่าไม่ทันเกมโฆษณาชวนเชื่อของอิสราเอลที่ปล่อยให้แรงงานไทยทั้ง 17 คน เดินทางกลับไทยโดยสวมเสื้อยืดที่สกรีนธงชาติคู่กับธงชาติอิสราเอล พร้อมสวมสร้อยที่มีป้ายห้อยคอภาษาฮิบรูและอังกฤษที่มีความหมายว่า “ปล่อยพวกเขา (ตัวประกัน) กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”

ในขณะนั้นซัยยิดสุไลมานก็ได้โพสต์เฟสบุ๊คว่า “ถ้ารัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมีสติปัญญาสักนิด ภาพแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น รอรับผลกระทบได้เลยครับ” อันเป็นการตำหนิรุนแรงมุ่งเป้าหมายไปที่ทางการไทยตรงๆ

ซัยยิดสุไลมานบอกเหตุผลกับรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า “เราไปบอกกับฮามาสว่าประเทศไทยไม่ได้ยืนข้างอิสราเอล แต่เสื้อชุดนี้มันยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า รัฐบาลไทยยืนเคียงข้างอิสราเอล ทั้งที่การปล่อยตัว(คนไทย) เกือบจะไม่เกี่ยวกับอิสราเอลเลยแม้สักนิดเดียว รัฐบาลอิสราเอลเข้ามาชุบมือเปิบเท่านั้นเอง เพราะการปล่อยตัวไม่ได้เป็นการเจรจาระหว่างฮามาสกับอิสราเอล แต่เป็นการเจรจาระหว่างคนไทยกับฮามาสโดยตรง”

“ผมสอบถามไปแล้วที่กระทรวงต่างประเทศ เขาตอบมาว่า โรงพยาบาลอิสราเอลให้ใส่ตอนอออกมาจากโรงพยาบาล ซึ่งผมถือว่าตรงนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่เมื่อขึ้นเครื่องแล้วทำไมไม่ถอดหรือใส่แจคเก็ตทับไปก่อน” ซัยยิดสุไลมานกล่าวพร้อมย้ำว่า “การทำแบบนี้จะทำให้ฮามาสเข้าใจได้ว่าไทยเลือกข้าง”

ซัยยิดสุไลมานกล่าวถึงการเจรจากับฮามาสเพื่อให้ปล่อยตัวประกันไทยว่า “ตั้งเริ่มต้นเราก็รายงานว่าไปว่าเราทำครั้งนี้ในนามของภาคประชาชน และสิ่งหนึ่งที่เราซื้อใจฮามาสได้ในครั้งนี้ เพราะเราไปบอกเขาว่าในประเทศไทยไม่ใช่คนทั้งหมดจะนิยมอิสราเอล คนไทยที่ยืนเคียงข้างปาเลสไตน์ก็มีเป็นจำนวนมาก”

“ทีมเจรจาซึ่งมีอาจารย์วันนอร์เป็นหัวหน้าทีม มาในนามของชาวมุสลิมไทย เพื่อมาขอความกรุณาให้ช่วยปล่อยตัวประกันไทย เพราะตัวประกันไทยไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้”

ซัยยิดสุไลมานเปิดเผยว่าเบื้องหลังการพยายามเจรจา “เดินมาอย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก” โดยฮามาสสัญญาว่าจะปล่อยตัวคนไทยทั้งหมดเมื่อสถานการ์เหมาะสมและเอื้ออำนวย ซึ่งหลังมีการพักรบคนไทยก็ได้รับการปล่อยตัวในชุดแรกๆ โดยทันที รวมทั้งหมด 23 คนที่ได้รับการปล่อยตัว

ซัยยิดสุไลมานกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนได้รับทราบตามตัวเลขของรัฐบาลว่ายังมีคนไทยอีก 9 คนที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งเขาบอกว่า เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากรายชื่อชุดแรกที่ทางทีมเจรจาได้รับซึ่งมีเพียง 23 คน แต่ก็ได้สอบถามไปทางฮามาสแล้ว และทางฮามาสรับว่าจะไปดูให้

แต่การเจรจาข้างหน้า “ได้รับผลกระทบแน่นอน” จากท่าทีแบบนี้ของไทย ซัยยิดสุไลมานเน้นย้ำ

อย่างก็ตามล่าสุด วันนี้ (4 ธ.ค.2566) แรงงานไทยในอิสราเอล ที่ถูกจับเป็นตัวประกันชุดที่สอง มีทั้งหมด 6 คนได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่ามกลางการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นทีน่าสังเกตว่า ทุกคนใส่เสื้อยืดสีขาวโดยไม่มีสกรีนธงชาติคู่กับธงชาติอิสราเอล รวมทั้งไม่มีสร้อยที่มีป้ายห้อยคอแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หลังขบวนการฮามาสบุกโจมตีเข้าไปในดินแดนที่ถูกอิสราเอลยึดครองซึ่งติดกับทางเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. โดยมีรายงานว่าแรงงานไทยเสียชีวิตส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งถูกฮามาสควบคุมตัว ในวันที่ 11 ต.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี นักการศาสนาผู้นำมุสลิมชีอะห์ไทย เข้าพบปะที่รัฐสภา เพื่อปรึกษาและมองหาความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือคนไทยผ่านช่องทางประเทศมุสลิมที่มีสายสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกลุ่มฮามาส จึงนำไปสู่การตั้งทีมประชาชนเพื่อเจรจาตรงกับทางฮามาสและขอให้อิหร่านช่วยเหลืออีกทาง