กทม.เตือน 10 เขตเสี่ยง “ไข้เลือดออก” ระบาด พบผู้ป่วยปี 58 มากกว่า 2 หมื่นราย-ดับ 5 คน แนะเร่งทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกทม.กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพฯว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพฯในปี 2558 นั้นมีผู้ป่วย 28,177 ราย เสียชีวิต 5 รายโดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดได้แก่อายุ 20-24 ปี รองลงมาอายุ 15 – 19 ปี และอายุ 10-14 ปี และทั่วประเทศมีผู้ป่วยรวม 142,925 รายเสียชีวิต 141 รายซึ่งอัตราป่วยของ กรุงเทพฯ เป็นลำดับที่ 5 จากทั้งประเทศ และเป็นลำดับ 1 เมื่อเทียบกับ 6 จังหวัดปริมณฑล
ทั้งนี้เมื่อดูจากสถิติการเกิดโรคไข้เลือดออกเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีมีการคาดการณ์ว่าในปี 2559 แนวโน้มการระบาดของโรคไข้เลือดออกจะมีความรุนแรงขึ้นโดยในพื้นที่ 50 เขต มีพื้นที่ที่มีระดับความเสี่ยงสูงมาก 10 เขต ได้แก่ 1.ลาดพร้าว 2.จตุจักร 3.ดินแดง 4.วังทองหลาง 5.บางกะปิ 6.สวนหลวง 7.ประเวศ 8.วัฒนา 9.บางพลัด และ 10.ธนบุรี
“นอกจากนี้พื้นที่ระดับความเสี่ยงสูง12 เขต ได้แก่ 1.บางแค 2.บางบอน 3.จอมทอง 4.บางกอกน้อย 5.พญาไท 6.ราชเทวี 7.ห้วยขวาง 8.บางซื่อ 9.บางเขน 10.สะพานสูง 11.บึงกุ่ม และ 12.พระโขนง ส่วนพื้นที่อื่นๆ มีความเสี่ยงระดับปานกลางและความเสี่ยงน้อยแต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าทุกพื้นที่และทุกคนมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคไข้เลือดออกเช่น กันโดยผู้ได้รับเชื้อ100 คนจะมีเพียง 10 คนที่แสดงอาการ ส่วนอีก 90 คนจะไม่แสดงอาการและหายไปเองได้” พญ.วันทนีย์ กล่าว
พญ.วันทนีย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ การป้องกันโรคไข้เลือดออกแก่ประชาชนทั่วพื้นที่ เนื่องจากการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ ยุงตามอาคารบ้านเรือนและที่สาธารณะต่างๆอย่างสม่ำเสมอเมื่อไม่มีแหล่งเพาะ พันธุ์ยุงก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไข้เลือดออกได้ นอกจากนี้กทม.จะดำเนินการผ่านโรงเรียนในสังกัดกทม.โดยให้นักเรียนทุกคนกลับ ไปทำลายแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้านเรือนของตนเอง และขอความร่วมมือประชาชนเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสอบถามข้อมูลหรือจัดกิจกรรมรณรงค์ใน ชุมชน เพื่อให้สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก ให้ได้มากที่สุด
ขอบคุณ/ที่มา http://www.bangkokbiznews.com
