เมื่อวันอาทิตย์ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มฮามาสแห่งปาเลสไตน์ได้ออกเอกสาร 16 หน้า โดยมีชื่อว่า “เรื่องราวของเรา … ปฏิบัติการพายุอัลอักซอ” เอกสารนี้ตอบคำถามสำคัญหลายประการเกี่ยวกับบริบท ช่วงเวลา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม
เอกสารในรูปแบบไฟล์ PDF ได้รับการเผยแพร่ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษโดยสำนักงานสื่อฮามาส รายงานฉบับนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่หาได้ยากเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ผู้นำขบวนการต่อสู้แห่งปาเลสไตน์เปิดปฏิบัติการต่อต้านการยึดครองครั้งใหญ่ในวันที่ 7 ตุลาคม นอกเหนือจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวันนั้น
เอกสารดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึง “ชาวปาเลสไตน์ที่แน่วแน่ของเรา” ซึ่งตกเป็นเป้าการโจมตีทางทหารของอิสราเอลที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่ง ณ วันนี้เป็นวันที่ 107
“ในแง่ของการรุกรานอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลต่อฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ และในขณะที่ประชาชนของเรายังคงต่อสู้เพื่อเอกราช ศักดิ์ศรี และการหลุดพ้นจากการยึดครองที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาได้แสดงความกล้าหาญและวีรกรรมในการเผชิญหน้ากับเครื่องจักรสังหารและการรุกรานของอิสราเอล” บทนำของเอกสารระบุ
ทำไมต้องปฏิบัติการพายุอัลอักซอ?
ส่วนแรกของเอกสารนี้เน้นไปที่เหตุผลเบื้องหลังปฏิบัติการพายุอัลอักซอโดยเฉพาะ
กลุ่มฮามาสตีความเหตุการณ์โดยบรรยายถึงกระบวนการล่าอาณานิคมอันโหดร้ายที่ริเริ่มโดยขบวนการไซออนนิสต์ และก่อนหน้านี้โดยอาณานิคมของอังกฤษ
“ตลอดทศวรรษที่ยาวนานเหล่านี้ ชาวปาเลสไตน์ต้องทนทุกข์ทรมานจากการกดขี่ ความอยุติธรรม การยึดสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขา และนโยบายการแบ่งแยกสีผิวทุกรูปแบบ” เอกสารระบุ
เอกสารนี้ยังแสดงรายการตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาระหว่างปี 2000 ถึง 2023 ซึ่งเผยให้เห็นจำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างน่าตกใจ
ฮามาสยังกล่าวโทษสิ่งที่เรียกว่า “กระบวนการสันติภาพ” และความดื้อรั้นของรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกที่ “ปฏิบัติต่ออิสราเอลในฐานะรัฐที่อยู่เหนือกฎหมายมาโดยตลอด พวกเขาจัดให้มีความคุ้มครองที่จำเป็นเพื่อรักษาการยึดครองให้ยืดเยื้อและปราบปรามชาวปาเลสไตน์ และยังอนุญาตให้ ‘อิสราเอล’ ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อยึดที่ดินของชาวปาเลสไตน์เพิ่มเติม และเพื่อยึดครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา”
“หลังจาก 75 ปีแห่งการยึดครองและความทุกข์ทรมานอย่างไม่หยุดยั้ง และหลังจากล้มเหลวในการริเริ่มทุกประการเพื่อการปลดปล่อยและนำคืนสิทธิสู่ประชาชนของเรา และหลังจากผลลัพธ์อันหายนะของสิ่งที่เรียกว่ากระบวนการสันติภาพ โลกคาดหวังจะให้ชาวปาเลสไตน์ทำอะไร?” เอกสารนี้ตั้งคำถาม
เหตุการณ์ต่างๆ ในในปฏิบัติการ
ส่วนที่สอง มีชื่อว่า “เหตุการณ์ต่างๆ ในปฏิบัติการพายุอัลอักซอ” บรรยายถึงเหตุการณ์ในวันนั้น และหักล้างคำโกหกบางอย่างของชาวอิสราเอล
“การหลีกเลี่ยงอันตรายต่อพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ ถือเป็นพันธะทางศาสนาและศีลธรรมของนักรบแห่งกองกำลังกอซซามทุกคน เราขอย้ำว่ากลุ่มต่อสู้แห่งปาเลสไตน์มีวินัยอย่างเต็มที่และยึดมั่นต่อคุณค่าแห่งหลักการอิสลามในระหว่างการปฏิบัติการนี้ และนักสู้ชาวปาเลสไตน์กำหนดเป้าหมายไปที่ทหารผู้ยึดครองและผู้ที่ถืออาวุธโจมตีประชาชนของเราเท่านั้น”
“หากมีกรณีใดๆ ที่เป็นการกำหนดเป้าหมายต่อพลเรือน มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญและในระหว่างการเผชิญหน้ากับกองกำลังยึดครอง” เอกสารเน้นย้ำ
การสืบสวนระหว่างประเทศ
ในส่วนที่สาม ฮามาสย้ำว่า “เมื่อปาเลสไตน์ขอให้มีการสอบสวนอาชญากรรมสงครามของอิสราเอลที่เกิดขึ้นในดินแดนของตน ปาเลสไตน์ต้องเผชิญกับการดื้อแพ่งและการปฏิเสธของอิสราเอล และการขู่ว่าจะลงโทษชาวปาเลสไตน์อันเนื่องจากการยื่นคำร้องไปยัง ICC”
“เราขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เยอรมนี แคนาดา และสหราชอาณาจักร หากพวกเขามุ่งหมายให้เกิดความยุติธรรมตามที่พวกเขาอ้าง พวกเขาควรจะประกาศสนับสนุนในการสืบสวนอาชญากรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่ศาลระหว่างประเทศในการปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิผล”
ฮามาสคือใคร?
ในส่วนที่สี่ ซึ่งมีชื่อว่า ‘ใครคือฮามาส’ กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่าเป็น “ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติที่มีเป้าหมายและภารกิจที่ชัดเจน” และ “มีความชอบธรรมในการต่อต้านการยึดครอง จากสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการป้องกันตนเอง การปลดปล่อย และการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง (Self-determination)”
“ชาวปาเลสไตน์ที่แน่วแน่ของเราและขบวนการต่อต้านของพวกเขากำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องที่ดินและสิทธิของชาติจากการยึดครองโดยนักล่าอาณานิคมที่โหดร้ายและยาวนานที่สุด ชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญหน้ากับการรุกรานของอิสราเอลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งก่อเหตุสังหารหมู่พลเรือนชาวปาเลสไตน์อย่างโหดร้าย ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง”
สิ่งที่ต้องการคืออะไร?
ในส่วนที่ห้า ซึ่งมีชื่อว่า “สิ่งที่ต้องการ” กลุ่มฮามาสเรียกร้องให้ “ยุติการรุกรานฉนวนกาซาของอิสราเอล การก่ออาชญากรรมและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กระทำต่อประชากรในฉนวนกาซาทั้งหมดโดยทันที”
นอกจากนี้ ยังเรียกร้อง “ให้อิสราเอลผู้ยึดครองต้องรับผิดชอบตามกฎหมายสำหรับสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานต่อชาวปาเลสไตน์ และตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐาน โรงพยาบาล สถานศึกษา มัสยิด และโบสถ์”
“เราขอเรียกร้องให้ประชาชนที่มีเสรีภาพทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเหล่านั้นที่เคยตกเป็นอาณานิคมและตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ ให้แสดงจุดยืนที่จริงจังและมีประสิทธิภาพเพื่อต่อต้านนโยบายสองมาตรฐานที่นำมาใช้โดยประเทศมหาอำนาจที่สนับสนุนการยึดครองของอิสราเอล เราเรียกร้องให้ประเทศเหล่านี้ริเริ่มขบวนการสมานฉันท์ระดับโลกกับชาวปาเลสไตน์ และเน้นย้ำถึงคุณค่าของความยุติธรรม ความเสมอภาค และสิทธิของประชาชนในการดำรงชีวิตด้วยเสรีภาพและศักดิ์ศรี”