นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจไทยพร้อมคณะระดับสูงจะเดินทางเยือนอิหร่านในสัปดาห์หน้าเพื่อเจรจาเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่านรายงานคำสัมภาษณ์ของ นายมุห์ซิน มุฮัมมะดี เอกอัคราชทูตคนใหม่ของอิหร่านประจำประเทศไทยที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ว่า คณะตัวแทนระดับสูงด้านเศรษฐกิจของไทย นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนเตหะรานเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งจะมีการพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านเพื่อหารือและเจรจาการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศหลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
ตามกำหนดการ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะพบปะกับ นายฮัซซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน และรองประธานาธิบดี นายมุฮัมมัด ชะรีอัดมะดารี เพื่อเจรจาส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับทวีภาคี
IRNA รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวในวันจันทร์ ระบุให้เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับประเทศไทย
มุฮัมมะดี เอกอัคราชทูตคนใหม่ของอิหร่านประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, พาณิชย์ พลังงาน และหอการค้า จะร่วมคณะมาพร้อมกับรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ IRNA รายงาน
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยได้เยือนอิหร่านตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการค้าของอิหร่าน นายโมฮัมหมัด เรซา เนียะมัตซาเดห์ ในโอกาสของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ไทย – อิหร่าน (Joint Commission – JC) ครั้งที่ 9 โดยนายดอน ถูกเชิญเป็นประธานร่วมในพิธีเปิด
สองประเทศได้ตกลงที่จะตอบสนองความต้องการของกันและกัน โดยอิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวและยางพาราที่สร้างความมั่นคงด้านอาหารและสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตให้แก่อิหร่าน IRNA รายงาน
ไทยจ่อขายข้าว 3 แสนตันให้อิหร่าน
ด้าน สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างรอยเตอร์ ที่รายงานตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยซึ่งกล่าวเมื่อวันพุธ ระบุ ประเทศไทยมีแผนจะขายข้าว 300,000 ตันให้อิหร่าน โดยคณะผู้แทนการค้าไทยจะเดินทางเยือนอิหร่านในสัปดาห์หน้าถัดไปเพื่อแสวงหาโอกาสมากขึ้นหลังนานาชาติยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน
รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะเป็นผู้นำภาครัฐบาลและคณะผู้แทนภาคเอกชนเดินทางเยือนโอมานและอิหร่านในวันที่ 31 มกราคมนี้
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวชั้นนำของโลก และหนึ่งในดีลแรกกับอิหร่านก็จะเป็นเรื่องข้าวนี้
“การไปเยือนของรองนายกรัฐมนตรีจะเป็นเสมือนสัญญาณสู่การลงทุนของภาคเอกชน การค้าขายอาจกลับคืนมา” นพพร เทพสิทธา ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยกล่าวกับรอยเตอร์
“อิหร่านและไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอดีตที่ผ่านมา และชาวอิหร่านอาจชอบ (นำเข้า) ผลิตภัณฑ์และอาหารไทย”
ธนาคารของรัฐจะสนับสนุนภาคเอกชนในด้านการลงทุนและการค้า เขากล่าวเสริม
ด้าน ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและกระทรวงพาณิชย์จะเจรจาตกลงเรื่องข้าวในอิหร่านสัปดาห์ถัดไป
ชูเกียรติกล่าวว่า เขามองว่าประเทศไทยจะหวนกลับมาอยู่ในฐานะผู้ส่งออกข้าวชั้นนำในปี 2016 เนื่องจากอินเดีย ผู้ส่งออกชั้นนำในปัจจุบันประสบกับปัญหาภัยแล้ง รอยเตอร์รายงาน
“สมคิด” นำทีมบุกอิหร่าน-โอมาน ลงนามการค้า อิหร่านสนดึงไทยลงทุน
ส่วน โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-3 ก.พ. 2559 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะนำทีมเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ ไปเยือนสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และรัฐสุลต่านโอมานอย่างเป็นทางการ และจะลงนามความร่วมมือด้านการค้าและสาธารณสุข ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลไทย จะมี รมว.พาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามเพื่อส่งเสริมอำนวยความสะดวกและพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดตั้งสำนักงานการค้าหรือศูนย์เพื่อการค้าความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าและการแลกเปลี่ยนผู้แทนการค้า การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของทั้งสองประเทศเพื่อติดตามและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ และวิเคราะห์โอกาสและแนวทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับการเยือนรัฐสุลต่านโอมานจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของราชอาณาจักรไทยและรัฐสุลต่านโอมาน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ซึ่งจะมี รมว.ต่างประเทศ เป็นผู้ลงนาม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุข เช่น การดูแลสุขภาพขั้นปฐมภูมิ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระเบียบเกี่ยวกับยา การพัฒนาการวิจัยด้านการแพทย์ การเฝ้าระวังโรค การดูแลอนามัยช่องปาก การดูแลไต การแพทย์ฉุกเฉิน การจัดการภัยพิบัติ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในที่ประชุม ครม. ว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ให้ดำเนินการเพื่อให้ไทยได้ใช้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของอิหร่าน ซึ่งไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่จะไปเยือนอิหร่านหลังถูกยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้า
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีความร่วมมือกันหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว เพราะข้อมูลล่าสุด ระบุว่า ในแต่ละปีนักท่องเที่ยวชาวอิหร่านเดินทางมาไทยถึง 1.4 แสนคน ขณะที่อุตสาหกรรมที่อิหร่านสนใจที่จะดึงธุรกิจไทยไปลงทุนเป็นอุตสาหกรรมหนัก เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า อาหาร ฮาลาล โรงแรม และธุรกิจด้านการบิน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าในระยะ 5 ปี การค้ากับอิหร่านจะขยายตัวมากขึ้นเป็น 3,000-5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากถูกยกเลิกการคว่ำบาตร จากปัจจุบันแค่ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โพสต์ทูเดย์ รายงาน