ปูนซีเมนต์นครหลวง ส่งมอบโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี 50 ปี เพิ่มโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ชายแดนที่ห่างไกล
นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย (ที่ 4 จากขวา) และ นายสิทธิชัย ศิริอยู่วิทยา รองประธานอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย (ที่ 3 จากขวา) บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ส่งมอบโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี 50 ปี (บ้านห้วยกระแสน) อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนตามพื้นที่ชายแดนที่ห่างไกล โดยมี พลตำรวจโท ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ที่ 5 จากซ้าย) รับมอบและร่วมเปิดโรงเรียนฯ อย่างเป็นทางการ ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี 50 ปี (บ้านห้วยกระแสน) อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ
นอกจากนี้ นายมนตรี นิธิกุล ได้เป็นตัวแทนส่งมอบเครื่องกำจัดเศษอาหารผลิตโดย บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง โดยเครื่องกำจัดเศษอาหารนี้เป็นนวัตกรรมเครื่องย่อยสลายขยะเศษอาหาร เพื่อให้ทางโรงเรียนนำไปใช้จัดการปัญหาขยะเศษอาหาร และเปลี่ยนขยะเศษอาหารเหล่านั้นให้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน (Bio-soil)สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ครบวงจรตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เปลี่ยนของเสียให้เป็นวัสดุที่มีคุณค่ากลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมตามนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2573
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นสานต่อพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยริเริ่มโครงการ “โรงเรียนสีเขียว” หรือ INSEE Green School ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ชายแดนห่างไกล โดยโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี 50 ปี (บ้านห้วยกระแสน) แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2562 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัทฯ
ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี โครงการ INSEE Green School เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2573 มุ่งเน้นไปที่การสร้างคุณค่าและความผูกพันที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนจำนวนมาก โดยบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารเรียนให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแล้วกว่า 33 แห่ง ส่งผลให้เด็กนักเรียนและชุมชนใกล้เคียงกว่า 70,000 คน ได้รับโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะโรงเรียนไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ศึกษาแต่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่หลากหลาย สร้างอาชีพและส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ มุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะชีวิต การฝึกอบรมอาชีพ และปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม