นักวิชาการร่วมเสวนาเรื่องฮัจญ์ เน้นเรื่องการสร้างเอกภาพมุสลิมทั่วโลก สะท้อนความเท่าเทียม ความอดทนอดกลั้น ในความยากลำบาก พร้อมเรียกร้องโลกเป็นหนึ่งเดียวในการแก้ปัญหาปาเลสไตน์
วันที่ 15 มิถุนายน ที่มัสยิดอัลฮูดา ตลิ่งชัน ได้มีการเสวนาใน หัวข้อ ฮัจญ์ในอัลกุรอานและบทบาทเอกภาพในโลกมุสลิมสู่การสนับสนุนปาเลสไตน์ เนื่องในโอกาสเทศกาลฮัจย์ประจำปีฮ.ศ.1445 มีผู้เข้าร่วมเสวนาร ประกอบด้วย นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และสมาชิกวุฒิสภา ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายซัยยิดมะห์มูด ชาห์ฮุซัยนี นักวิชาการอาวุโส และ ผศ.ดร.วิศรุต เลาะวิถี รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร โดยนายสมพร หลงจิ บรรณาธิการสำนักข่าว Mtoday เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีนายมะห์ดี ฮูเซ็น อุปทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ร่วมด้วย มีผู้เข้าร่วมรับฟังเสวนาจำนวนหนึ่ง
เชคกุลามอะลี อะบอซัร อิหม่ามมัสยิดอัลฮูดา กล่าวว่า การเสวนา เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมทั่วโลกที่เดินทางมารวมกัน ด้วยความเป็นเอกภาพ และเชื่อมโยงถึงบทบาทสู่ปาเลสไตน์ที่เป็นเป็นปัญหาของโลกในขณะนี้
ผศ.ดร.วิศรุต เลาะวิถี กล่าวว่า การประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางมายังเมืองมักกะห์ ในปีนี้มีมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางร่วมพิธี ประมาณ 1.6 ล้านคน มุสลิมไทยเดินทางเข้าร่วมประมาณ 7,700 คน ฮัจย์เป็นการฝึกการอดทนอดกลั้น จากการคนที่จำนวนมากไปรวมตัวอยู่ในที่เดียวกันทุ่งมีนา ทุ่งอาระฟะห์ที่ร้อนระอุ มีเพียงเต้นท์กำบัง ต้องอยู่อย่างแออัด แต่ผตอบแทนที่ได้รับ คือฮัจย์ที่สมบูรณ์ พระเจ้าจะตอบแทนด้วยสวรรค์ และปกป้องจากความไม่ดีทั้งหลาย
‘เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของมุสลิมไทยถือว่า แพงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อก่อนหน่วยงานที่ดูแลกิจการฮัจย์สังกัดกรมการศาสนา ตอนย้ายมาสังกัดกระทรงมหาดไทย ก็หวังกันว่า จะทำให้ฮัจย์ลดลง และคิดว่า เจ้าหน้าที่ของมหาดไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศจได้ดูแลพี่น้องมุสลิมอย่างทั่วถึง แต่เอาเข้าจริง กองกิจการฮัจย์ก็เป็นส่วนเกินองระทรวง ไมีเจ้าหน้าที่งานจริงจัง มีการโอนเจ้าหน้าที่เข้ามาไม่ผ่านก.พ. กรดูแลไม่เต็มที่ การที่คุณชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ออกมาพูดเรื่องเงิน 40 ล้านและจะทำให้ฮัจย์ถูกลง การดูแลดีมุสลิมไทยดีขึ้น ก็หวังว่า สถานการณ์จะดีขึ้น’ ผศ.ดร.วิศรุต กล่าว
ด้านนายซัยยิดมะห์มูด ชาฮุซัยนี มองว่า แม้การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของมุสลิมทั่วโลก จะแสดงถึงความเปฌนเอกภาพทุกคนไปอยู่ร่วมกันโดยไม่แยกภาษา วัฒนธรรม เผ่าพันธุ์ แต่เมื่อมองไปยังปัญหาปาเลสไตน์แล้ว โลกอาหรับไม่มีความเป็นเอกภาพ มีเพียงอีหร่านที่ให้การช่วยเหลือปาเลสไตน์ แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเลวร้ายมากก็ตาม สังคมมุสลิม จะต้องกดดันให้ประเทศมุสลิมมีเอกภาพในการเข้ามาปกป้องปาเลสไตน์
ขณะที่ดร.ศราวุฒิ อารีย์ เห็นว่า การที่โลกอาหรับไม่ให้ความสำคัญกับปาเลสไตน์มากเท่าที่ควร จากการที่ก่อนหน้านี่อิสราเอลเคยทำสงครามกับประเทศอาหรับ อิสราเอลจึงต้องสร้างมิตรเพราะอยู่ไม่ได้หากแวดล้อมด้วยศัตรู อิสราเอลกับสหรัฐฯ จึงเข้ามาสร้างมิตรกับหลาบประเทศ อาทิ ซาอุดิอารเบีย เข้ามาตั้งฐานทัพ เมื่อมีปัญหาปาเลสไตน์กับอิสราเอล โลกอาหรับจึงอยู่กับสหรัฐฯและอิสราเอลมากกว่า
อิสราเอลเป็นประเทศที่เชื่อกันว่า เป็นผู้ชนะเสมอ หลายประเทศจึงไม่กล้ามีปัญหา แต่สถานการณ์ 7 ตุลาคม สะท้อนให้เห็นว่า อิสราเอลก็มีโอกาสที่เพลี่ยงพล้ำ ความเชื่อวา อิสราเอลต้องชนะเสมอจึงค่อยๆเสื่อมลง แต่สถานการณ์ในขณะนี้จึงไม่เหมือนเดิม จากเดิมที่อิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์แล้วได้รับชัยชนะ แต่ตอนนี้มีเค้าลางว่าจะไม่ได้รับชัยชนะ อิสราเอลเคยติดหล่มสงครามในฉนวนกาซ่า จนต้องถอนกำลังออกในปี 2005 อิสราเอลอาจชนะกองกำลังที่เป็นรัฐ แต่ไม่เคยชนะกองกำลังที่ไม่ใช่รัฐ อย่างฮิสบุลเลาะห์ และฮามาส
‘ตอนนี้อิสราเอลติดสงครามในฉนวนกาซ่าอีกครั้ง แม้ผ่านมา 8 เดือนก็ยังไม่สามารถเอาชนะฮามาสได้ ถูกฮิสบุลเลาะฮ์โจมตีเสียหายมาก ก็ยังไม่สามารถเข้าไปในเลบานอนเพื่อทำลายฮิสบุลเลาะฮ์ได่ ในขณะที่การเมืองระหว่างประเทศก็พ่ายแพ้ จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ เป็นสัญญาณว่า อิสราเอลกำลังจะแพ้สงคราม’ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ กล่าว
ด้านนายไพศาล พืชมงคล เห็นว่า ในฐานะที่เป็นคนพุทธแต่อยู่กับพี่น้องมุสลิมมานาน เห็นว่า เรื่องการทำฮัจย์ เป็นการสะท้อนถึงจิตวิญญาณของการงรักภักดีต่อพระเจ้า ในทางพุทธเหมือนการเข้าสู่นิพพาน ตอนอยู่สงขลา หมู่บ้านมุสลิมที่ฐานะยากจน ตอนนั้นไปฮัจย์ทางเรือ ไป 10 กลับมา 7 แม้จะไม่ได้กลับมาแต่หลายคนก็ดิ้นรนไป เป็นศรัทธาที่มั่นคงอย่างยิ่ง
ขณะที่อุปทูตอิหร่านประจำประเทศไทย นายมะฮ์ดี ซาเรอ์ ได้อ่านสาส์นของผู้นำสูงสุดอิหร่านถึงผู้เดินทางไปประกอบพธีฮัจย์ ระบุว่า เสียงมนตร์เสน่ห์ของศาสดาอิบรอฮีมผู้ที่ได้รับพระบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า ในการเชิญชวนมนุษยชาติ ทุกยุค ทุกสมัยให้เข้ามายังกะบะฮ์เพื่อประกอบพิธีฮัจย์ ที่หัวใจของชาวมุสลิมจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก ได้ถูกดึงดูดให้เข้าสู่ฐานที่มั่นแห่งเตาฮีดและความเป็นเอกภาพ และยังสร้างปรากฏการณ์จากการรวมตัวที่ยิ่งใหญ่บนความหลากหลายของประชาชาติ ซ้ำยังได้พิสูจน์ให้ตนเองและทั้งโลกได้เห็นถึงพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของอิสลามจากการรวมตัวที่กว้างขวางของมนุษย์
‘พวกท่านกำลังอยู่ในสนามทดสอบแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยความสว่างไสวแห่งความรู้ แนวคิดและการปฏิบัติของพวกท่านต้องให้เข้ามาใกล้และให้ใกล้มากยิ่งขึ้น พวกท่านต้องนำพาการฟื้นฟูอัตลักษณ์ที่ผสมผสานกับแนวคิดที่สูงส่งเหล่านี้กลับไปยังบ้านของท่าน สิ่งนี้คือของฝากที่ทรงคุณค่าแห่งความจริงสำหรับการเดินทางประกอบพิธีฮัจย์’