เมืองแล้วเมืองเล่า หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ตกอยู่ภายใต้กองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ด เมื่อพวกเขาเคลื่อนกำลังผ่านภาคเหนือซีเรีย กลุ่มล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกาที่ถูกรู้จักในนาม “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” (Syrian Democratic Forces – SDF) ซึ่งถูกนับเป็นย่างก้าวใหม่ในสงครามห้าปีของซีเรีย ตุรกีคือกุญแจสำคัญและอยู่ในสภาพคาดเดาไม่ได้มากขึ้น พันธมิตรนาโตตอนนี้อยู่บนปากเหวของการถูกดูดเข้าสู่การต่อสู้กับกลุ่มที่ได้รับการชื่นชอบจากสหรัฐฯ
ตุรกียืนยันมาอย่างยาวนานแล้วว่า “ชาวเคิร์ดซีเรีย” นั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตนมากกว่าที่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) กระทำเสียอีก และโกรธว่าสหรัฐฯให้การช่วยเหลือพวกเขา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์รัฐบาลตุรกีระบุว่า ซาลิห์ เนการ์ (Salih Necar) ชาวเคิร์ดซีเรีย เป็นผู้ลงมือโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ในใจกลางกรุงอังการา โดยเนการ์ถูกกล่าวหาว่า ขับรถบรรทุกที่มีวัตถุระเบิดไปไว้ใกล้รถบัสขนส่งบุคลากรทางทหารและพลเรือนนอกสำนักงานใหญ่ของกองทัพอากาศในเมืองหลวงของตุรกี โดยฆ่าตัวเองและคนอื่นๆ อีกอย่างน้อย 27 ราย
หนึ่งวันถัดมา ทหารตุรกีอย่างน้อย 6 นายเสียชีวิตในจังหวัดดิยาบากิร์ (Diyarbakir) ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด จากการโจมตีด้วยระเบิด ซึ่งถูกมองว่าเป็นฝีมือของชาวเคิร์ดเช่นกัน
ปีกทางทหารของกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียในนาม “หน่วยป้องกันประชาชน” (People’s Protection Units – YPG) ถูกระบุเป็นเครือข่ายสาขาของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Workers’ Party – PKK) ซึ่งได้ต่อสู้กับรัฐบาลตุรกีทั้งในและนอกประเทศนับตั้งแต่ปี 1984 โดยตอนแรกนั้นเพื่อความเป็นเอกราชและตอนนี้เพื่อการปกครองตนเองของชาวเคิร์ดภายในประเทศตุรกี ทั้งนี้ “ซอและฮ์ มุสลิม” ประธานร่วมของพรรคสหภาพพรรคประชาธิปไตย (Democratic Union Party) ซึ่งทำหน้าที่เป็นปีกทางการเมืองของ YPG ปฏิเสธในทันทีถึงความเชื่อมโยงใดๆ กับระเบิดในอังการา โดยระบุว่า YPG ไม่เคยโจมตีตุรกีมาก่อนและก็จะไม่กระทำการใดๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับสหรัฐอเมริกาต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม นายอะเหม็ด ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกี ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุระเบิดนั้น “ชัดเจน” ว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ YPG ที่ “แทรกซึม” ในตุรกี
ตุรกียืนกรานว่าทั้ง “PKK” และ “YPG” นั้นเป็น “ผู้ก่อการร้าย” วอชิงตันยอมรับเพียงส่วนหนึ่งว่า PKK อยู่ในรายชื่อองค์กรก่อการร้ายของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ YPG นั้นไม่ไช่ เป็นความจริงที่ว่ามีการปูทางสำหรับการเป็นพันธมิตรอย่างล้ำลึกในซีเรีย ตามที่วอชิงตันได้อำนวยความช่วยเหลือแก่กลุ่มนี้ด้วยการสนับสนุนทางอากาศและอาวุธ
มันยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการด้านความสัมพันธ์เช่นไรที่ตุรกีจะใช้ตอบโต้ และอะไรคือความมั่นใจที่วอชิงตันจะคงความสมดุลในเรื่องที่ละเอียดอ่อนระหว่างตนกับตุรกีและพันธมิตรชาวเคิร์ด ที่ดูเหมือนว่ากำลังล่อแหลมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ รถถังของตุรกีได้ยิงปืนใหญ่เข้าใส่กลุ่ม SDF บริเวณใกล้เมืองอาซาซ (Azaz) ของซีเรีย ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสำคัญสำหรับกองกำลังกบฏในเมืองอาเลปโป (Aleppo) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอังการา และคู่ขนานในการเป็นฐานกันชนต่อต้านชาวเคิร์ด ซึ่งตุรกีได้สาบานว่าจะป้องกันไม่ให้มันตกไปอยู่ในมือของชาวเคิร์ด รองนายกรัฐมนตรี ยาลกิน อัคโดกัน (Yalcin Akdogan) เปิดเผยเจตนารมณ์ของตุรกีอย่างชัดเจน โดยบอกว่า ตุรกีต้องการที่จะสร้างแนวเขตแดน “ความมั่นคง” โดยลึกประมาณ 6 ไมล์เข้าไปในฝั่งดินแดนซีเรีย ซึ่งรวมถึงเมืองอาซาซด้วย ทหารตุรกีนับพันนายได้เข้าสู่พื้นที่นี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว ซึ่งกระตุ้นให้รัสเซียออกมาเตือนว่าตุรกีกำลังวางแผนบุกซีเรีย
กระบวนการเหล่านี้ได้นำพาตุรกีเข้าสู่ขอบเขตของความขัดแย้งกับคู่อริในภูมิภาค ชาวเคิร์ดกล่าวว่าพวกเขาจะกลับมาต่อสู้กับการรุกรานใดๆ ของตุรกี ด้านประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัลอัสซาด ซึ่งกองกำลังของตนกำลังคืบคลานไปยังชายแดนของตุรกีก็กล่าวว่า เขาจะทำเช่นเดียวกัน และโดยไม่ต้องสงสัยว่ารัสเซียซึ่งคันไม้คันมือที่จะแก้แค้นกรณีเครื่องบิน Sukhoi SU-24 ถุกยิงตกเมื่อปีที่ผ่านมาโดยนักบินตุรกี ก็จะเป็นผู้นำส่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ให้
ในขณะที่ SDF อยู่บริเวณโดยรอบของเมืองอาซาซ โดยเจาะเข้าไปทางทิศใต้ (ห่างจากวิถีโจมตีของตุรกี) และหานักรบเพิ่มไปพร้อมกัน การร้องขอของตุรกีจากวอชิงตันให้หยุดการช่วยเหลือ “ผู้ก่อการร้าย” ชาวเคิร์ดนั้นถูกเพิกเฉย แต่กลับกันวอชิงตันได้เรียกร้องให้ประเทศตุรกีหยุดการโจมตีชาวเคิร์ดซีเรีย
อังการาอาจดูเสมือนไร้อิทธิพลในซีเรีย แต่ก็ยังคงเล่นไพ่นี้ ตุรกีได้หนุนเสริมฝ่ายกบฏตัวแทนของตนในการต่อต้านชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นลางไม่ดี ต่อการจำกัดวงการไหลบ่าของนักรบญิฮาดิสต์ต่างชาติเข้าสู่ประเทศซีเรีย
ปัญหาของตุรกีกับพลเมืองชาวเคิร์ดของตนเอง เป็นสิ่งอธิบายได้ว่าทำไมตุรกีจึงมีการเตรียมการไปในทิศทางที่สุดขั้วเช่นนี้ การเจรจาสันติภาพรอบล่าสุดและมีแนวโน้มมากที่สุดระหว่างรัฐบาลตุรกีกับ PKK พังทลายลงในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาเมื่อตุรกีกลับมาต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านและเริ่มถล่มจุดยุทธศาสตร์ในเขตควบคุมของเคิร์ดทางภาคเหนือของอิรัก PKK ตอบสนองโดยการขยับการต่อสู้เข้าสู่เขตเมืองในพื้นที่ซึ่งมีชาวเคิร์ดเป็นประชากรส่วนใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ที่ซึ่งปีกเยาวชนของชาวเคิร์ดปะทะนองเลือดกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยตุรกี โดยนักรบ PKK มักถล่มขบวนกองทัพบ่อยครั้ง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุระเบิดในกรุงอังการา
รัฐบาลตุรกีอ้างว่าตนต่อสู้กับ PKK ในบ้านซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับสงครามในซีเรีย ตุรกีบอกว่าตนได้ค้นพบอุโมงค์ลับที่ขุดจากด้านชายแดนซีเรียไปยังเมือง Cizre ในตุรกี การตรวจค้นปิดล้อมเกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ตุรกีในปีที่ผ่านมา อุโมงค์จะถูกระบุว่า ใช้เพื่อเป็นช่องทางขนส่งอาวุธระหว่างพวกก่อการร้ายชาวเคิร์ดซีเรียและ PKK นักรบหนุ่มชาวเคิร์ดอ้างกับสื่อ แดร์ ชปีเกล ของเยอรมนี ยืนยันว่าอุโมงค์ดังกล่าวมีอยู่จริง
แต่มันไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นวิธีนี้ – ชาวเคิร์ดไม่ได้มีการขู่ว่าจะทำลายทั้งนโยบายของตุรกีในซีเรียและการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปี 2013 อารมณ์ในอังการาแตกต่างกันอย่างมากกับตอนนี้ ขณะนั้น ตอยยิบ เออร์โดกัน เป็นนายกรัฐมนตรีที่กำลังวางแผนที่จะรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีให้เกิดขึ้นในตุรกีเป็นครั้งแรกในปีถัดไป เขากระตือรือร้นที่จะตกลงกับ อับดุลลาห์ โอคาลาน (Abdullah Ocalan) ผู้นำ PKK ที่ถูกคุมขัง ว่า ถ้า PKK ปลดอาวุธและถอนตัวออกจากตุรกี ชาวเคิร์ดจะได้รับบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเป็นรูปธรรม (มันยังไม่ชัดเจนว่าคืออะไร แต่แนวโน้มเสมือนว่า อิสระการปกครองในระดับท้องถิ่นมากขึ้น และการนิรโทษกรรมสำหรับผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรง)
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด! ยังมี “ข้อตกลง” ที่จะต้องช่วยให้เออร์โดกันบรรลุ 2 เป้าหมายซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดของเขา คือ : “YPG จะต้องเข้าร่วมร่วมกับกลุ่มกบฏในการสู้รบเพื่อปลดอัสซาดออกจาอำนาจ และต้องละเว้นจากการเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อการปกครองตนเอง” และ “พรรคที่สนับสนุนเคิร์ดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี คือ พรรคประชาชนประชาธิปไตย (People’s Democracy Party – HDP) จะต้องให้การสนับสนุนแผนของเออร์โดกัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การได้เป็นประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการขยายอำนาจของเขาเพียงหนึ่งเดียวในตำแหน่งนี้”
แต่ PKK ปฏิเสธที่จะเล่นเกมนี้ โดยอ้างว่า ตุรกีผ่านพ้นวันเวลาแห่ง “สุลต่าน” ที่จะสนตะพายพวกเขาต่อไปอีกแล้ว นี่จึงบอกได้ว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่อนุมัติให้กลุ่มโปรชาวเคิร์ดถูกกฎหมาย? และทำไมนักรบกบฏญิฮาดิสต์ในซีเรีย จึงเป็นปรปักษ์กับ YPG? ทั้งที่รัฐบาลระบุว่าตนได้ให้นักรบของ YPG หลายร้อยคนที่ได้รับบาดเจ็บรักษาฟรีในโรงพยาบาล และเปิดประตูให้มากกว่าหนึ่งในสี่ของผู้ลี้ภัยชาวเคิร์ดซีเรียกว่าล้านคน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ PKK เอนเอียงตาม
ความหวังในการบรรลุข้อตกลงถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งในปีที่ผ่านมา เมื่อ PKK เปิดเผยแผนงาน 10 ใจความสำคัญ ที่จะเป็นโรดแม็บสร้างสันติภาพ แต่เออร์โดกันปฏิเสธเอกสารดังกล่าวโดยทันที และการสื่อสารทั้งหมดระหว่างโอคาลาน กับ HDP ได้หยุดลงตั้งแต่นั้น
แต่ชาวเคิร์ดซีเรียได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง วันนี้พวกเขาเพลิดเพลินไปกับจุดแตกต่างที่หายากของการเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่พร้อมสนุกไปกับสนับสนุนจากทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ความสัมพันธ์ของ YPG กับวอชิงตันเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อเครื่องบินของสหรัฐเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือโคบานี (Kobani) เมืองของชาวเคิร์ดจากกลุ่มไอซิสในปี 2014 ตั้งแต่ปีที่แล้วชาวเคิร์ดได้ร่วมกับ ฝ่ายต้านชาวอาหรับ เติร์กเมนิสถาน และกลุ่มที่ไม่ใช่มุสลิม สร้าง SDF ขึ้นมา ซึ่งก็เพื่อช่วยปกปิดความอัปยศอดสู (fig leaf) ของวอชิงตันเพื่อให้มีเหตุผลอันสมควรในการสนับสนุนพวกเขา
ผลตอบแทนที่สองฝ่ายได้รับนั้นมหาศาล SDF ได้ผลักดันให้ไอซิสออกจากการยืดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนตุรกี ในขณะที่ช่วยกดดันกล่มนักรบญิฮาดิสต์ที่ประกาศให้เมืองรักกา (Raqqa) เป็นเมืองหลวงของตนเอง ชาวเคิร์ดโอ้อวดว่าตอนนี้พวกเขาควบคุมพื้นที่ประมาณ “สามเท่าของเลบานอน”
ขณะนี้ชาวเคิร์ดกำลังมองหาหนทางที่จะเชื่อมโยงเขตจัดการตนเองทั้งสอง นั่นคือ เขตที่อยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส ที่ชื่อ จาซีรา (Jazeera) และโคบานี (Kobani) กับอัฟรีน (Afrin) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งหมายความว่า จะต้องขับไล่ไอซิสออกพ้นพื้นที่ 60 ตารางไมล์ และยังจะผ่านพื้นที่ของกลุ่มกบฏที่เป็นมิตรกับอังการา รวมทั้งกลุ่มสายปานกลาง (moderate) จำนวนมากที่ได้รับอาวุธจากซีไอเอ
จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ พวกเขาต้องหันกลับไปตามคำสั่งของวอชิงตัน เมื่อตุรกีซึ่งเคยเปิดฐานทัพอากาศ Incirlik เพื่อใช้ในภารกิจต่อสู้กับกลุ่มไอซิสในเดือนกรกฎาคม อ้างว่าการอนุมัติดังกล่าวนั้นวางอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า สหรัฐฯ จะต้องไม่ช่วยชาวเคิร์ดย้ายไปทางตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส
ตุรกีต้องการให้รวบรวมนักรบกบฏที่ไม่ใช่เคิร์ดเป็นผู้ขจัดไอซิสออกจากพื้นที่ทางตะวันตกของยูเฟรติส แต่กองกำลังไม่เคยเป็นรูปเป็นร่าง ขณะที่การแทรกแซงของรัสเซียในนามของกองทัพอัสซาดได้สนับสนุนชาวเคิร์ด ช่วยให้ SDF ผลักดันกบฏที่ต่อต้านอัสซาดจากพื้นที่ที่พวกเขาอยากได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม สำหรับมอสโกแล้วเกมนี้คือการทิ่มเขาสู่นัยน์ตาของตุรกีเลยทีเดียว
แต่ชาวเคิร์ดซีเรียต้องการมากกว่านั้น พวกเขากำลังตกเบ็ดด้วยชั้นเชิงทางการทูต รัสเซียได้ก้าวขึ้นไปบนจานแล้วเมื่อพูดเป็นนัยว่า ตนจะหนุนแผน “เอกราช” ของชาวเคิร์ด นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ชาวเคิร์ดจะต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาที่เจนีวา สหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกันที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมชาวเคิร์ดในการเจรจาสันติภาพ แต่ถอยออกไปเมื่ออังการาขู่ว่าจะออกจากการเจรจาถ้าชาวเคิร์ดได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
ชาวเคิร์ดจะมีความชำนาญในการเล่นเกมกับรัสเซียและชาวอเมริกัน เพื่อสกัดแต่ละฝ่ายออกไปให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายเบรทท์ แม็คเกิร์ก ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโอบารัก โอบามา ในการต่อต้านไอซิสถูกถ่ายภาพขณะรับโล่ประกาศเกียรติคุณจากผู้บัญชาการของ YPG ซึ่งทำให้ตุรกีร้องเสียงหลง วอชิงตันดูเหมือนให้กำลังใจอย่างเงียบๆ ต่อชาวเคิร์ดในการที่จะยึดดินแดนเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าพวกกบฏสายกลางจะยังได้รับความช่วยเหลือและการฝึกต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าอัสซาดที่ได้รับการหนุนจากกองทัพรัสเซียจะไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ยึดพื้นที่ได้ก่อน
ทั้งหมดนี้ได้เพิ่มความโกรธแก่ตุรกี และชาวเคิร์ดตุรกีก็กล่าวว่า พวกเขาต้องรับผลกรรมนี้แทน ความต้องการของตุรกีที่จะลงโทษพี่น้องของพวกเขาในซีเรียให้เจ็บปวด ได้ถูกนำมาลงกับพวกเขาแทน
การยืนกรานของวอชิงตันที่ว่า PKK และ YPG เป็นองค์กรแยกอิสระจากกันอย่างเด็ดขาดนั้นเป็นเพียงการกระทำที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง อันที่จริง จะไม่น่าแปลกใจหากต่อไปสหรัฐฯ จะก้าวมาร่วมมือทางทหารกับตุรกีต่อสู้ต้าน PKK เพื่อลดทอนความโกรธของตุรกีที่ตนมีความสัมพันธ์กับ YPG
ความขัดแย้งที่ยาวนานจะยังคงดำเนินต่อไป ชาวเคิร์ดตุรกีจะกลายเป็นน่ากลัว (และมีความรุนแรง) เพิ่มมากขึ้น สำหรับหลายๆ คน พรมแดนได้แยกพวกเขาออกจากพี่น้องของพวกเขาในซีเรีย เยาวชนชาวเคิร์ดที่เพิ่มพูนทักษะการสู้รบจากการต่อสู้กับไอซิสในซีเรีย ขณะนี้พวกเขาได้นำทักษะนั้นมาใช้ต่อสู้กับกองกำลังความมั่นคงในตุรกี ขณะที่บุคคลอื่นๆ ยังคงจับอาวุธต่อสู้ร่วมกับ YPG ในเมืองโคบานี ในขณะเดียวกันความรู้สึกชาตินิยมในตุรกีก็ถูกขยายกว้างออกไปจากเหตุระเบิดในกรุงอังการา เออร์โดกันได้บังคับวิถีการเมืองที่นำไปสู่การแบ่งขั้วเรียบร้อยแล้ว เสมือนว่าอสุรกายของประชาคมแห่งการทำลายล้างปรากฏขึ้นรางๆ
การบรรลุในการสร้างสายสัมพันธ์บางประการระหว่างตุรกีและชาวเคิร์ดจะเป็นกระบวนการที่ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถจะเอาชนะไอซิสได้ สำคัญอย่างยิ่งมันเป็นวิธีเดียวที่จะให้แน่ใจว่าตุรกีจะไม่ตกไปสู่สงครามกลางเมือง – หรือไปทำสงครามในซีเรีย
บางฝ่ายแนะนำสหรัฐอเมริกาว่าควรใช้พลังอำนาจของตนที่มีต่อ YPG ในการนำ PKK กลับไปที่โต๊ะเจรจา แต่ในความเป็นจริง YPG เป็นฝ่ายที่ถูกชี้นำจาก PKK – ซึ่งกลายเป็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นเลยในขณะนี้ ส่วนทางเลือกใดๆ ที่คิดว่า ชาวเคิร์ดซีเรียจะตัดความสัมพันธ์ของพวกเขากับ PKK เพื่อรักษาความเป็นพันธมิตรกับวอชิงตันนั้นเป็นเรื่องไร้เดียงสาโดยสิ้นเชิง เพราะจะมีฝ่ายอื่นๆ – รัสเซียหรืออิหร่าน – จะก้าวเข้ามาในช่องโหว่นั้น
วิธีเดียวที่ถูกต้องในการจะเดินไปข้างหน้าสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาในการที่จะพึ่งพาทั้งตุรกีและ PKK คือจะต้องเรียกสติของพวกเขาทั้งสอง ซึ่งในความเป็นจริงนั่นเป็นเรื่อง “มากสุด” ที่วอชิงตันและพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ ของตุรกีสามารถทำได้ เพราะในที่สุดก็อยู่ที่ผู้นำตุรกีที่จะเลือกคลี่คลายตนเองจากความยุ่งเหยิงนี้ แต่น่าเสียดายว่าด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เออร์โดกันมีแนวโน้มที่จะขุดประเทศของเขาให้จมลงไปในหลุมลึก
แปล/เรียบเรียง จาก http://foreignpolicy.com
เขียนโดย