ขบวนการฮามาส แห่งปาเลสไตน์ได้ตัดสินใจเลือก ยะห์ยา อัล-ซินวาร์ ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักงานการเมืองของต่อจาก “อิสมาอีล ฮานียะห์” ผู้ล่วงลับ
แถลงการณ์สำคัญของขบวนการฮามาสที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ทางการ ในวันที่ 6 ส.ค. ระบุว่า หลังจากการปรึกษาหารือและพิจารณาอย่างลึกซึ้งกว้างขวางในสถาบันผู้นำของขบวนการฮามาส กลุ่มได้ตัดสินใจเลือก ยะห์ยา อัล-ซินวาร์ ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักงานการเมืองของขบวนการนี้ต่อจากนายอิสมาอีล ฮานียะห์ ผู้ล่วงลับ
ฮามาสเชื่อมั่นในยะห์ยา อัล-ซินวาร์ ที่ขึ้นมาเป็นผู้นำในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน และสถานการณ์ที่ซับซ้อนทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับนานาชาติ และขอพรให้พระเจ้าช่วยเขาประสบความสำเร็จและนำทางเขา และประทานชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ประชาชนและการต่อสู้ของเรา แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์เสริมว่า “ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ เราขอรำลึกถึงนายอิสมาอีล ฮานียะห์ ผู้ล่วงลับ ที่ได้นำเสนอตัวอย่างความกล้าหาญและปรีชาญาณในการเป็นผู้นำ และเรามั่นใจว่าภายใต้การนำของยะห์ยา อัล-ซินวาร์และพี่น้องของเขา ขบวนการจะดำเนินต่อไปตามแนวทางของฮานียะห์และผู้นำก่อนหน้านี้ และจะรักษามรดกการต่อสู้จนกว่าจะได้อิสรภาพและการกลับคืน”
ท้ายแถลงการณ์นี้ยังเน้นย้ำว่า “และนี่คือการต่อสู้… ชัยชนะหรือพลีชีพ”
เปิดประวัติ ยะห์ยา อัล-ซินวาร์ หัวหน้าสำนักงานการเมืองของขบวนการฮามาสคนใหม่
หลังการตัดสินใจเลือก ยะห์ยา อัล-ซินวาร์ ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักงานการเมืองของขบวนการต่อจากนายอิสมาอีล ฮานียะห์ ผู้ล่วงลับ ขบวนการฮามาสก็ได้เผยแพร่ประวัติผู้นำคนใหม่ผ่านเว็บไซต์ทางการ
ชื่อ:
ยะห์ยา อิบรอฮีม หะซัน ซินวาร์ หรือ “อาบูอิบราฮิม”
เกิดและการเติบโต:
เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี 1962 ในค่ายผู้ลี้ภัยข่านยูนิส
ครอบครัวถูกชาวยิวขับไล่ออกจากเมืองมัดเจด อัซกะลานในปี 1948
สถานภาพทางครอบครัว:
หลังจากถูกปล่อยตัวจากคุกของอิสราเอลในข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษในปี 2011 เขาได้แต่งงานในปี 2012 และมีลูกสามคน สองชายและหนึ่งหญิง (อิบนีฮิม, อับดุลเลาะห์, และริฎอ)
การศึกษา:
จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมัธยมข่านยูนิส
เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิสลามในฉนวนกาซา และได้รับปริญญาตรีสาขาภาษาอาหรับ
กิจกรรมขณะเป็นนักศึกษา:
ทำงานในสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยอิสลามเป็นเวลา 5 ปี เป็นเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายศิลปวัฒนธรรม จากนั้นเป็นคณะกรรมการกีฬา รองประธานสภา และประธานสภา แล้วกลับมาเป็นรองประธานอีกครั้งในช่วงปี 1982-1987
โดดเด่นในวงการอภิปรายของนักศึกษาระหว่างกลุ่มต่างๆ และเป็นหนึ่งในนักคิดที่โดดเด่นของกลุ่มอิสลาม
เป็นหัวหน้ากลุ่มอิสลาม
ก่อตั้งวงดนตรี “การกลับคืนสู่ศิลปวัฒนธรรมอิสลาม” ((The Returnees to Islamic Art) ด้วยการสนับสนุนจากท่านชีคห์อาเหม็ด ยาซีน ผู้ก่อตั้งอามาส
กิจกรรมการต่อสู้:
ร่วมก่อตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งแรกของขบวนการ ภายใต้การนำของท่านชีคห์อาเหม็ด ยาซีนในปี 1983
ในปี 1986 ได้รับมอบหมายจากท่านชีคห์อาเหม็ด ยาซีน ให้จัดตั้งองค์กรญิฮาดและการเรียกร้อง และเป็นผู้นำสำคัญขององค์กร
เป็นผู้นำและกำกับหลายเหตุการณ์ในการเผชิญหน้ากับศัตรูไซออนิสต์ (1982-1988)
การจับกุม:
ถูกจับในปี 1982 เป็นเวลา 6 เดือนในเรือนจำฟาราอาเนื่องจากกิจกรรมการต่อสู้ของเขา
ถูกจับอีกครั้งในปี 1988 และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตสี่รอบ เขาใช้เวลา 23 ปีต่อเนื่องในเรือนจำของศัตรู ประมาณสี่ปีในห้องขังเดี่ยว
กิจกรรมในเรือนจำ:
เป็นผู้นำคณะกรรมการผู้บริหารระดับสูงของนักโทษฮามาสในเรือนจำหลายวาระ
เขาและพี่น้องนำการอดอาหารประท้วงหลายครั้ง โดยที่โดดเด่นที่สุด คือ ในปี 1992, 1996, 2000, 2004
เขาพูดภาษาฮีบรูได้อย่างคล่องแคล่ว และมีผลงานการแปลและเขียนหนังสือด้านการเมืองและความมั่นคงหลายเล่ม ได้แก่:
แปลหนังสือ “ชินเบตท่ามกลางซากศพ”
แปลหนังสือ “พรรคการเมืองของอิสราเอล” ในปี 1992
เขียนหนังสือ “ฮามาส: ประสบการณ์และข้อผิดพลาด”
เขียนหนังสือ “ความรุ่งโรจน์” ที่ติดตามการทำงานของหน่วยชินเบต อิสราเอล
เขียนเอกสารด้านความมั่นคงหลายเล่มที่เป็นรากฐานประสบการณ์ด้านความมั่นคงของฮามาส
เขียนนิยายชื่อ “หนามของกานพลู” ที่เล่าถึงประสบการณ์การต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์หลังปี 1967 จนถึงการปฏิวัติ (อินติฟาดา)
หลังการปล่อยตัว:
ถูกปล่อยตัวในปี 2011 ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างฮามาสและศัตรูไซออนิสต์
มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้เขาถูกศัตรูไซออนสิต์แยกเขาออกจากกันก่อนที่ข้อตกลงจะเสร็จสิ้น
ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสำนักงานการเมืองของขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา และรับผิดชอบด้านความมั่นคงในปี 2012 จากนั้นได้รับเลือกเป็นสมาชิกสำนักงานการเมืองทั่วไป และรับผิดชอบด้านการทหารในปี 2013
ถูกจัดให้เป็น “ผู้ก่อการร้ายระดับนานาชาติ” ในรายชื่อบัญชีดำของสหรัฐในเดือนกันยายน 2015
ฮามาสมอบหมายให้เขารับผิดชอบกรณีนักโทษชาวยิวที่ถูกจับกุมโดยกองกำลังอัลกอสซามในปี 2015
ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสำนักงานการเมืองของฮามาสในฉนวนกาซาในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 และอีกครั้งในปี 2021
บ้านของเขาถูกโจมตีและถูกทำลายในปี 1989 ครั้งที่สองในสงครามปี 2014 ครั้งที่สามในสงครามปี 2021 และครั้งที่สี่ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาในเดือนธันวาคม 2023
ในวันที่ 6 สิงหาคม 2024 ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสำนักงานการเมืองของขบวนการฮามาสแทนนายอิสมาอีล ฮานียะห์ ผู้ล่วงลับซึ่งถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน