รมว.ต่างประเทศเลบานอนย้ำ การสังหารหมู่ของอิสราเอลไม่ช่วยให้ผู้ตั้งถิ่นฐานภาคเหนือกลับมาได้

อับดุลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอน (Photo credit: EPA)

The Cradle – อับดุลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอนกล่าวในการประชุมการประชุมฉุกเฉินที่สหประชาชาติเมื่อวันที่ 20 กันยายนว่า การสังหารหมู่ประชาชนชาวเลบานอนไม่สามารถทำให้อิสราเอลพาประชาชนของตนกลับไปยังถิ่นฐานทางตอนเหนือได้ 

การประชุมฉุกเฉินนี้ถูกจัดขึ้นหลังจากอิสราเอลก่อเหตุโจมตีโดยการจุดชนวนอุปกรณ์สื่อสารหลายพันเครื่องในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และบาดเจ็บอีกหลายพันคนเมื่อสัปดาห์นี้

บู ฮาบิบ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “วิธีการทำสงครามที่โหดร้ายและน่าหวาดกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน”

เขากล่าวว่า “อิสราเอลได้ละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วยการก่อการร้าย” พร้อมทั้งเรียกอิสราเอลว่าเป็น “รัฐนอกกฎหมาย”

อุปกรณ์สื่อสาร เช่น เพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่สมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถืออยู่ เกิดระเบิดขณะผู้ใช้กำลังเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต เดินอยู่บนถนน และเข้าร่วมพิธีศพเมื่อวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา ทำให้หลายคนสูญเสียอวัยวะ เช่น ดวงตาหรือมือ

รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอนย้ำว่า ความรุนแรงนี้ไม่สามารถทำให้อิสราเอลพาประชาชนที่ถูกย้ายออกจากถิ่นฐานในภาคเหนือกลับมาได้ และหากความขัดแย้งกับฮิซบอลเลาะห์ขยายตัวขึ้น อิสราเอลจะยิ่งสูญเสียผู้ตั้งถิ่นฐานมากขึ้น

โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกมาประณามการโจมตีของอิสราเอลเช่นกัน โดยกล่าวว่าการกระทำนี้เป็นอาชญากรรมสงคราม

“กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศห้ามใช้กับดักที่มีลักษณะเป็นวัตถุที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย” เติร์กกล่าว พร้อมย้ำว่า

“การกระทำรุนแรงที่ตั้งใจจะแพร่กระจายความหวาดกลัวในหมู่พลเรือนเป็นอาชญากรรมสงคราม” เขากล่าวเสริม โดยย้ำถึงคำเรียกร้องให้มีการสอบสวน “อย่างเป็นอิสระ เข้มงวด และโปร่งใส”

วลเกอร์ เติร์ก  แสดงความตกใจต่อการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอน โดยกล่าวว่า “ผมตกตะลึงกับขอบเขตและผลกระทบของการโจมตีเหล่านี้” พร้อมเสริมว่า การโจมตีเหล่านี้เป็นพัฒนาการใหม่ของการทำสงครามที่ใช้อุปกรณ์สื่อสารเป็นอาวุธ “นี่ไม่ควรกลายเป็นเรื่องปกติใหม่”

ในที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แดนนี่ ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำ UN ยืนยันว่า อิสราเอลจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงในพื้นที่ทางตอนเหนือ โดยกล่าวว่า “หากฮิซบอลเลาะห์ไม่ถอยจากพรมแดนของเรา… อิสราเอลจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มาตรการที่อยู่ในสิทธิ์ของเรา”

สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ไม่ได้ประณามการโจมตีของอิสราเอล แต่แสดงความกังวลถึงการยกระดับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นระหว่างฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอล พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอย่างที่สุด

การประชุมนี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลก่อเหตุโจมตีทางอากาศในเลบานอนเมื่อวันศุกร์ โดยเครื่องบินรบอิสราเอลได้ยิงขีปนาวุธ 4 ลูกโจมตีอาคารที่พักอาศัย 2 หลังในใจกลางกรุงเบรุตตอนใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 รายและบาดเจ็บ 68 ราย รวมทั้งเด็ก

การโจมตีดังกล่าวยังทำให้ผู้บัญชาการหน่วยราดวานของฮิซบอลเลาะห์ อิบราฮิม อากิล เสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ ฟูอัด ชูกร อดีตผู้บัญชาการหน่วยเดียวกัน ก็ถูกสังหารในการโจมตีของอิสราเอลในลักษณะเดียวกันในกรุงเบรุตเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา