ประสาน ชาวนา-ทุน ก่อนครม.สัญจรที่อยุธยา

การ ลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะในพื้นที่ภาคกลางตอนบน เพื่อดูทิศทางในการพัฒนาจังหวัด ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตามแผนเป็นไปตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ถือเป็นการประสบความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของรัฐบาล

หลัง จากในวันที่ 14-15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ทัวร์นกขมิ้นพื้นที่จ.บุรีรัมย์ และมหาสารคาม พบปะประชาชนและติดตามแผนพัฒนาจังหวัด ขณะลงพื้นที่อยู่อีสานนั้น รัฐบาลถูกโจมตี เรื่องโครงการจำนำข้าว และการปล่อยข่าวข้าวเน่าสารพัด แต่ภายหลังลงพื้นที่เสร็จลงพรรคเพื่อไทยประเมินว่าการทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ และคณะครั้งนี้ความนิยมทางการเมืองของพรรคได้แต้มต่อยิ่งขึ้น

การ ลงพื้นที่ภาคกลางตอนบนก่อนประชุมครม.สัญจรจ.อยุธยาครั้งนี้ จึงเป็นการเดินเกมรุกต่อเนื่องของรัฐบาล เพื่ออธิบายความจริงเรื่องข่าวข้าวเน่า กรณีสารปนเปื้อนที่ถูกโจมตีจากสังคมและฝ่ายค้าน

เริ่ม ที่จ.สระบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า โอทอป ณ ศูนย์โอทอปคอมเพล็กซ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล นับแต่ปี 2544 โดยการดำเนินกิจการในช่วงแรกประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งมีการปรับรูปแบบการบริหารจัดการ แนวทางการประชาสัมพันธ์ ทำให้จำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น ประกอบกับมีการเพิ่มช่องทางการตลาด ให้สมาชิกด้วยการส่งเสริม สนับสนุนกลุ่มอาชีพ ในการพัฒนาสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ถึงพฤษภาคม 2556 มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 31,998,239 บาท ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 30 ล้านบาท พร้อมเสนอของงบประมาณสนับสนุนในการพัฒนาต่อยอดโครงการ จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างห้องเย็นเก็บรักษาสินค้า สร้างอาคารฝึกอบรมอาชีพ และปรับปรุงระบบปะปา และไฟฟ้า

ที่ จ.อยุธยา น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ เยี่ยมชมบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด (ข้าวตราฉัตร) มีนายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้การต้อนรับ พร้อมนำนายกฯและคณะเยี่ยมชมท่าเรือขนส่งทางน้ำของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ทันสมัย และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเชียน ซึ่งกลุ่มบริษัทใช้กระจายสินค้าประเภทข้าวสารไปยังพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด

ที่ นี่เอง นายประสิทธิ์ บอกว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ลงทุนโครงการโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวในพื้นที่ 270 ไร่ ริมแม่น้ำป่าสัก อ.ครหลวง จ.อยุธยา โดยข้าวที่ปรับปรุงจะทำการส่งออกถึง 80 %จึงเห็นความจำเป็นในการลดต้นทุนให้น้อยลง จึงได้ทำการพัฒนาท่าเรือและระบบการให้บริการ ICD หรือ Inland Container Depot ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าข้าว ที่เตรียมส่งออกบรรทุกลงเรือในลำน้ำ เพื่อนำไปขึ้นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ท่าเรือกรุงเทพ หรือ”ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง”

และ ที่โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวนครหลวง เป็นโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย รับซื้อข้าวที่ผ่านการสีแล้วจากโรงสี โดยมีระบบควบคุมที่มีมาตรฐานสูงสุด ทำให้ข้าวที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพสามารถส่งออกไปยังทั่วโลกโดยมีกำลังการ ผลิตต่อปี 1.8 ล้านตัน มีโกดังเก็บข้างควบคุมอุณหภูมิ 8 โกดังขนาดใหญ่สามารถเก็บข้าวได้ 4 แสนตัน ข้าวที่ผลิตจากที่นี่ มีทั้งข้าวหอมมะลิเกรดส่งออก ข้าวนึ่งสำหรับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะข้าวผสมและข้าวหอมผสมสำหรับการขายภายในประเทศ ภายในโรงงานมีห้องแลปสำหรับตรวจคุณภาพมาตรฐานข้าวรวมถึงห้อง Command Room สำหรับตรวจสอบการทำงานภายในโรงงานและรวมถึงโรงงานในเครือผ่านระบบ Real Time Conference นอกจากนี้กระบวนการผลิตทั้งหมดได้รับมาตรฐานทั้ง ISO GMP HCCP รวมทั้งได้รับรางวัล อย. Quality Award 2013 แสดงถึงมาตรฐานการผลิตระดับสากล

“ผู้ ประกอบการภาคเอกชน เสนอรัฐบาลให้อยุธยาเป็นส่วนต่อขยายของท่าเรือทะเล การพัฒนาทางน้ำเดิม และบำรุงรักษาร่องน้ำป่าสัก การพัฒนาระบบสาระสนเทศ เพื่อการเดินเรือในแม่น้ำ โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆรวมทั้งการ เชื่อมโยงการขนส่งสินค้า ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งจะเริ่มจากปลายน้ำว่ามีปัญหาขัดข้องประการใด”

พร้อม กันนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ท่าเรือถือเป็นหัวใจรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จ.อยุธยา ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางน้ำ ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว รัฐบาลต้องการที่จะดูการเชื่อมโยงด้านการขนส่งทางน้ำ ซึ่งจะเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่ดี การที่มาเยี่ยมชมการดำเนินการของบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด  เพราะบริษัทแห่งนี้ทำครบวงจร ทั้งบรรจุข้าวถุง จนได้รับรางวัลหลายประเภท

ตรง จุดนี้เอง นายกฯตอบรับและส่งสัญญาณที่ดี ต่อกรณีการโจมตีข่าวยี่ห้อข้าวตราฉัตรมีสารปนเปื้อนว่า “ยังใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจผู้บริหารโรงงานข้าวตราฉัตร ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ”

จาก นั้น นายกฯและคณะ ตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการข้าวของบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด มีขนาด 1,400 ตารางเมตร สามารถวิเคราะห์คุณภาพได้ทั้งทางกายภาพ เคมี และทางประสาทสัมผัส ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย โดยความชื้นต้องไม่เกิน 14 %เพราะอาจทำให้ข้าวเสื่อมสภาพและเกิดเชื้อรา โดยข้าวตราฉัตร มีเครื่องมือตรวจสอบความชื้นได้ละเอียดถึงทีละเมล็ด ข้าวทุกเมล็ดต้องผ่านการทำความสะอาดเพื่อเอาฝุ่นรำออก ความมันเงาของเมล็ดข้าวสะท้อน ถึงความสะอาดที่ส่งถึงผู้บริโภค อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นด้วยการตรวจสอบผิวข้าวด้วยกล้องจุลทรรศน์ ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของข้าวหอมมะลิ และยังมีระบบตรวจสอบสารปนเปื้อน จากสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและสารพิษจากเชื้อรา ด้วยชุดทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าข้าวทุกถุงปลอดภัยต่อการบริโภค

ระหว่าง การเยี่ยมชม นายกรัฐมนตรี พร้อมนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ และน.พ.ประดิษฐ์  สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ได้ทำการโชว์การรับประทานข้าวหอมมะลิตราฉัตรของกลุ่มบริษัทเครือเจริญ โภคภัณฑ์ เพื่อแสดงถึงความมั่นใจในคุณภาพความปลอดภัย และได้มาตรฐานการผลิต

เป็นการ ตอกย้ำหนักแน่นของนายกฯว่า ข้าวไทยไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวปล่อยออกมา โดยการลงพื้นที่เป็นการมาดูตรฐานของเอกชน จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าขั้นตอนต่างๆกว่าจะมาเป็นข้าวถุง มีมาตรฐานมากพอสมควร

“อยาก ให้สบายใจว่าการที่เจอปัญหาเป็นแค่บางส่วน ไม่ได้เป็นกระบวนการทั้งหมด ขอเรียนว่าข้าวเป็นอาหารของคนไทย และสร้างรายได้หลักให้คนไทย ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น จริงแล้ววันนี้ คุณภาพของข้าวไทย ดีกว่าประเทศอื่นๆ ไม่อยากให้มองประเด็นปัญหาในภาพรวมทั้งหมด จึงขอความกรุณาว่าจะกระทบต่อความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้องชาวนา รวมไปถึงกระบวนการ value change และกระทบต่อการบริโภคข้าวของคนไทย ซึ่งเป็นอาหารหลัก”

ก่อน ที่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.อยุธยา จะเริ่มขึ้นวันที่ 19 กรกฎาคม2556 เพียง 1 วัน รัฐบาลเดินสายพบปะชาวนา และประสานกลุ่มทุนเครือซี พี แก้ข้อกล่าวหาจุดด้อยเรื่องการจำนำข้าว และคุณภาพข้าวไทยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อพร้อมโต้ตอบกับฝ่ายค้านและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก่อนที่เริ่มเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป 1 สิงหาคม 2556 นี้ โดยที่กระแสการเมืองจากนี้จะร้อนแรงขึ้นก่อนที่จะรุกกลับรัฐบาล

การรุกก่อน ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวติดนับว่าเป็นการเยี่ยมยุทธ์ของรัฐบาลจริงๆ!!!