จากธุรกิจห้องอาหารโซเฟียแตกไลน์สู่ธุรกิจโรงแรมด้วยการสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว “Al-Meroz Hotel” (โรงแรมอัลมีรอซ) ซึ่งโครงการก่อสร้างผ่านไป 30 เปอร์เซ็นต์ ปลายปีหน้าทดลองระบบ พร้อมตอบสนองการเติบโตของกลุ่มลุกค้ามุสลิม เชื่อมั่นประสบการณ์การให้บริการด้านอาหารร่วม 20 ปี เข้าใจเข้าถึงความต้องการกลุ่มลูกค้า
ห้อง อาหารโซเฟียมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในแวดวงห้องอาหารฮาลาล ที่เปิดให้บริการ อาหารไทย-มุสลิมมานานกว่า 20 ปี มีประสบการณ์และความพร้อมในการให้บริการ ทั้งอาหารไทย จีน มุสลิม และยุโรป รวมทั้งให้บริการอาหารจานเดียว อาหารสำหรับหมู่คณะ หรือกรุ๊ปทัวร์ นอกจากนี้มี บริการจัดเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ในรูปแบบต่างๆ
ล่าสุด โซเฟียได้สยายปีกเปิดไลน์ธุรกิจโรงแรมในชื่อ “Al-Meroz Hotel” (โรงแรมอัลมีรอซ) ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง พับลิกโพสต์มีโอกาสได้พูดคุยการทำงานของห้องอาหารโซเฟียกับ ‘คุณเราะฮ์มะฮ์ มูลทรัพย์’ และสอบถามความคืบหน้าโครงการรวมถึงย้อนไปถึงจุดเริ่มของการทำโรงแรมกับ ‘คุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์’ ผู้บริหารจากห้องอาหารโซเฟีย ซึ่งได้กล่าวถึงการริเริ่มทำธุรกิจโรงแรม ว่า “สืบเนื่องมาจากการที่เราทำธุรกิจร้านอาหาร มานาน ทำให้เรารู้จำนวนตลาดของลูกค้ามุสลิมที่ต้องการบริการในด้านที่พักและบริการ ด้านห้องจัดเลี้ยงต่างๆมีจำนวนเพิ่มขึ้น และเท่าที่เห็นโรงแรมที่เป็นฮาลาลแท้ๆ 100 เปอร์เซ็นต์ในเมืองไทยยังไม่มี ประกอบกับครอบครัวเรามีพื้นที่อยู่ส่วนหนึ่ง ที่ทางครอบครัวคิดว่าน่าจะทำธุรกิจประเภทนี้ดีกว่า เพราะเป็นพื้นที่มีทำเลที่ดี”
ใน ส่วนของโครงการสร้างโรงแรมตั้งอยู่บนเนื้อที่ 6 ไร่ ขนาด 17 ชั้น จำนวน 250 ห้อง และชั้นใต้ดินที่จะทำเป็นที่จอดรถโดยสามารถรองรับได้ประมาณ 100 คัน และลานจอดรถจุได้อีก 250 คัน ห้องประชุมสัมมนาสามารถจุคนได้ประมาณ 1,000-1,500 คน พร้อมห้องละหมาด ,Coffee Shop เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง, สระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้า, ฟิตเนส และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยตั้งเป้าให้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้คอยบริการอีกมากมาย โดยมีมูลค่าโครงการร่วม 1,000 ล้านบาท โครงการนี้เกิดจากการเล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มลูกค้ามุสลิมที่ขยายตัวขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะมีการพัฒนาไปได้อีกมาก การสร้างโรงแรมตรงนี้ก็เพื่อรองรับความเจริญเติบโตของกลุ่มลูกค้ามุสลิม และรองรับกับ AEC ที่กำลังจะเข้ามา ทั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อเนื่องกับการทำห้องอาหารอยู่แล้วด้วย
“ใน เบื้องต้นที่ทำเรามองตลาดลูกค้ามุสลิม ส่วนหนึ่งคือเรามีลูกค้ากรุ๊ปทัวร์อยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์จาก มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน เลยคิดว่าการมีโรงแรมตรงนี้ จะรองรับกลุ่มลูกค้าได้ในหลายๆส่วน ลูกค้ากลุ่มนี้บางส่วนมีความต้องการที่พัก ที่สะดวกและตรงกับความต้องการอยู่แล้ว การจัดให้มีที่พักรองรับไว้ลูกค้า เพื่อไม่ต้องเดินทางไปหาที่พักในตัวเมืองเป็นการอำนวยความสะดวกอีกด้านหนึ่ง
เมื่อ ถามถึงความมั่นใจ และประสบการณ์ในการทำโรงแรม คุณรอศักดิ์ กล่าวว่า “แม้ว่าเราจะยังไม่เคยทำโรงแรมเต็มระบบ แต่เรามีทีมที่ปรึกษา มีเพื่อนฝูงและผู้คอยสนับสนุนอยู่หลายๆส่วน ตลาดของเรา 80 เปอร์เซ็นต์จะเป็นมุสลิม ซึ่งมีความเป็นเฉพาะกลุ่มจึงอาจไม่ซับซ้อนมาก จากการทำงานร้านอาหารมา 20 ปี เราพอจะมองออกว่า โดยรวมในเรื่องของสัดส่วนหรือว่ารูปแบบของงานด้านการให้บริการเป็นอย่างไร ข้อบกพร่องคืออะไร สิ่งที่เป็นข้อดีข้อเสียของภาพลักษณ์อยู่ตรงไหน ถ้าในรูปแบบการทำงานของโรงแรมมันคอนโทรลด้วยระบบซึ่งก็ต้องมีการวางระบบไว้ ให้มีคุณภาพ และเราคงเน้นดูแลเรื่องระบบภายใน ที่จะเป็นจุดเด่นและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ โดยจุดเด่นนั่นข้อแรกคือการเป็นโรงแรมฮาลาล 100 เปอร์เซ็นต์ สองก็คือมองในภาพรวมเรื่องของกรีนแอนด์คลีน ในความสะอาด สว่างปลอดภัยไม่มีสิ่งมึนเมา”
คุณ รอศักดิ์ มูลทรัพย์ กล่าวในตอนท้ายว่า “สิ่งที่อยากเห็นคือการให้โรงแรมนี้ได้เกิดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจของพี่น้อง มุสลิม นอกจากเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการพี่น้องมุสลิมในรูปแบบอาหาร การจัดเลี้ยง ที่พักแล้ว เรายังสนับสนุนให้เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ ของกลุ่มบุคลากรมุสลิมที่จะได้เข้ามาร่วมงานกัน ด้วยมีบุคลากรมุสลิมที่เก่งๆมีความสามารถที่ไปทำงานอยู่ในองค์กรอื่นๆก็มี การตอบรับที่ดี ที่โรงแรมเราจะเป็นทางเลือกเปิดโอกาสให้ได้มาทำงานด้วยกัน และมีส่วนช่วยกันพัฒนาธุรกิจให้เข้มแข็งเติบโตต่อไปในอนาคต”
สำหรับ โครงการโรงแรม“Al Meroz” ตั้งอยู่บนทำเลที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ โดยโรงแรมอยู่ใกล้ Airport Link สามารถเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังใกล้กับศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ที่พี่น้องมุสลิมสามารถเดินทางไปละหมาดได้อีกด้วย โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2556
ความ คืบหน้าในการก่อสร้างโรงแรมตอนนี้อยู่ที่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จประมาณปลายตุลาคม 2557 เพื่อเปิดทดลองเรื่องระบบ ทดลองให้บริการ เปิดจริงๆน่าจะปี 2558 ซึ่งก็ต้องเตรียมความพร้อมที่จะต้องพัฒนาขึ้นไปอีกในหลายๆ ด้าน