พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เผย 21 ปีไฟใต้ ชี้ประชาชนต้องกำหนดชะตาชีวิต ย้ำห้ามสร้างเงื่อนไขใหม่ พร้อมติดตามเหตุทะเลาะวิวาทในเรือนจำ
ปัตตานี – วันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันทักษะวิชาการของนักเรียนโรงเรียนเอกชน ณ คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะวิชาการและคัดเลือกตัวแทนนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันในระดับภูมิภาค ณ จังหวัดชุมพร ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568
ครบรอบ 21 ปีไฟใต้: บทเรียนและความหวัง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวเน้นถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 21 ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่ารัฐบาลได้ใช้งบประมาณกว่า 520,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถหาทางออกที่ชัดเจนได้ แม้จำนวนเหตุการณ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกชีวิตมีคุณค่าและศักดิ์ศรี
“ทางออกของปัญหาไฟใต้คือการสร้างความรู้และการศึกษา การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการเปิดพื้นที่พูดคุยเป็นสิ่งจำเป็น
ติดตามเหตุทะเลาะวิวาทในเรือนจำ
ในช่วงบ่าย พ.ต.อ.ทวี ได้ติดตามความคืบหน้าของเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 11 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากการสอบสวนพบว่าเหตุการณ์เกิดจากความบาดหมางเดิมของผู้ต้องขัง 2 กลุ่ม โดยใช้อาวุธที่ทำจากสังกะสี เจ้าหน้าที่สามารถระบุผู้ก่อเหตุและดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ทวี เน้นย้ำถึงความสำคัญของความยุติธรรม โดยกล่าวว่า “แม้ผู้เสียชีวิตจะเป็นนักโทษ แต่ต้องได้รับความเป็นธรรมเทียบเท่ากับประชาชนทั่วไป”
แนวทางแก้ปัญหา: กระจายอำนาจและสร้างสันติสุข
พ.ต.อ.ทวี ชี้ว่า การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องมุ่งเน้นการกระจายอำนาจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าความมั่นคงของรัฐต้องเทียบเท่ากับความสุขของประชาชน
“การพูดคุยสันติสุขยังคงจำเป็น แต่ต้องควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพชีวิต การศึกษา และการดูแลชุมชน เพราะคุณภาพของคนคือดัชนีชี้วัดความมั่นคงของประเทศ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เหตุการณ์ครบรอบ 21 ปีไฟใต้ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่าการพูดคุยและความร่วมมือจากทุกฝ่ายคือกุญแจสู่สันติภาพในพื้นที่
