จากโครงการเล็กๆ ที่เริ่มต้นในชุมชนบ้านใหม่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา “บ้านปลามีชีวิต (Aquatic Life Shelter)” ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในฐานะตัวแทนแห่งความสำเร็จของนวัตกรรมชุมชนไทย โครงการนี้ไม่เพียงแต่คว้ารางวัล SILVER MEDAL จากงาน “2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO (KIDE 2024)” ที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในชุมชนและสิ่งแวดล้อม
จุดเริ่มต้นของ ‘บ้านปลามีชีวิต’
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เตือนตา ร่าหมาน แห่งมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ริเริ่มโครงการ ได้พัฒนานวัตกรรมนี้ร่วมกับชาวบ้านโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผสานกับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป้าหมายคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์น้ำ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลสาบสงขลา โครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 และแสดงผลสำเร็จอย่างชัดเจนในปีถัดมา โดยพบว่า จำนวนและชนิดของปลามีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ต้นโกงกางที่ปลูกในบ้านปลามีชีวิตไม่เพียงแต่สร้างพื้นที่อาศัยสำหรับปลา แต่ยังช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชน การทำงานในลักษณะนี้ทำให้เราเรียนรู้ทั้งจากธรรมชาติและชาวบ้าน การฟังเสียงของพวกเขาเป็นหัวใจสำคัญ” ผศ.ดร.เตือนตากล่าว
“เราต้องปรับตัวเองให้เข้ากับชุมชน ไม่ใช่ให้ชุมชนปรับตัวให้เข้ากับเรา กระบวนการนี้สอนให้ฉันเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์จริงๆ และนำไปใช้ได้จริง”
ความสำเร็จที่สัมผัสได้
ในเวลาเพียง 1 ปี บ้านปลามีชีวิตช่วยเพิ่มชนิดของปลาในพื้นที่จาก 2 ชนิดเป็น 11 ชนิด สร้างแหล่งอาหาร แหล่งผสมพันธุ์ และพื้นที่ปลอดภัยตามหลักนิเวศ ชุมชนบ้านใหม่ไม่เพียงแต่เห็นผลกระทบทางธรรมชาติ แต่ยังได้รับรางวัลชุมชนประมงดีเด่นระดับประเทศ และรางวัลชุมชนนวัตกรรมยอดเยี่ยมจาก บพท.
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ บพท. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการบ้านปลามีชีวิตในด้านเงินทุน การวิจัย และการจัดการองค์ความรู้ โดย บพท. เน้นการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ท้องถิ่นและสามารถขยายผลได้ในระดับประเทศ
“เลือกชุมชนบ้านใหม่เพราะชาวบ้านตั้งใจและอยากทำให้ปลาเพิ่มขึ้น ชุมชนภูมิใจกับบ้านปลามีชีวิตที่ไปได้ไกลกว่าที่คิดไว้”
“การเห็นรอยยิ้มของชาวบ้านคือความสุขในชีวิตการทำงาน ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดจากเราเพียงลำพัง แต่เป็นความร่วมมือของชุมชนและทีมงานที่ทำงานด้วยหัวใจ ทุกครั้งที่เราลงพื้นที่ เราได้เรียนรู้จากชาวบ้านมากมาย” ผศ.ดร.เตือนตาเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
นวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิต
บ้านปลามีชีวิตมีลักษณะเป็นคอกสี่เหลี่ยม ปลูกต้นโกงกางไว้ทั้งสี่มุมและตรงกลาง ท่อซีเมนต์ที่ใส่ดินเลนช่วยให้ต้นโกงกางเติบโตและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ด้วยการออกแบบที่ทนทาน ทำให้บ้านปลานี้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าบ้านปลาแบบเดิม ลดต้นทุนการซ่อมแซม และสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
“บ้านปลามีชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพันธุ์ปลา แต่ยังสร้างแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ชุมชน ทุกวันนี้เราเห็นเด็กๆ และนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาโครงการต่อไป” อุไรพรรณ หอมชื่น นวัตกรชุมชน กล่าว
กติกาชุมชน: ความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน
ความสำเร็จของโครงการเกิดจากความร่วมมือของชาวบ้านที่มีการตั้งกติกาชุมชนอย่างเข้มงวด เช่น
- ห้ามทำการประมงในเขตอนุรักษ์ (ปรับ 5,500 บาท)
- ห้ามเรือมาก่อกวนในเขตอนุรักษ์ (ปรับไม่เกิน 5,000 บาท)
- หากทำให้บ้านปลาหรือซั้งได้รับความเสียหาย ต้องซ่อมแซมภายใน 3 วัน (ปรับ 2,000 บาท/วัน หากเกินกำหนด)
“กติกาเหล่านี้ไม่ได้บังคับใช้เพียงเพื่อปกป้องธรรมชาติ แต่ยังสร้างจิตสำนึกให้ชาวบ้านทุกคนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราร่วมกันสร้าง” อุไรพรรณกล่าว
ความฝันที่ยิ่งใหญ่: การผลักดันสู่ระดับนโยบาย
อุไรพรรณ หอมชื่น แสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันโครงการนี้สู่การเป็นนโยบายสาธารณะ โดยหวังให้พื้นที่รอบทะเลสาบสงขลาเป็นเขตอนุรักษ์ที่มีกฎหมายรองรับ พร้อมทั้งพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้และโรงเพาะฟักที่ได้มาตรฐาน
“นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง เราพร้อมเดินหน้าเพื่อให้ทะเลสาบสงขลากลายเป็นแหล่งอนุรักษ์ที่ยั่งยืน เราเชื่อว่าการพัฒนาเริ่มต้นจากชุมชนเล็กๆ แต่สามารถส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้” อุไรพรรณกล่าวด้วยความตั้งใจ
‘บ้านปลามีชีวิต’ ไม่เพียงแต่เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตชุมชน แต่ยังสะท้อนถึงพลังของความร่วมมือและการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อชุมชนและนักวิจัยจับมือกัน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
กองบรรณาธิการ, โต๊ะข่าวชายแดนใต้