เส้นทางของ “ตุรกี” ในซีเรีย หลังยุคอัสซาด

ในขณะที่สถานการณ์ของซีเรียยังคงซับซ้อนและเปราะบาง บทบาทของตุรกีในการกำหนดอนาคตของประเทศนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ปี 2011 เมื่อการลุกฮือในซีเรียเริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งถึงการล่มสลายของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2024 ตุรกีได้มีบทบาทสำคัญในความพยายามทางการทหาร การทูต และด้านมนุษยธรรมเพื่อจัดการกับความไม่มั่นคงตามแนวชายแดนทางใต้ของประเทศ

ด้วยการล่มสลายของอัล-อัสซาด รวมถึงการสูญเสียบทบาทของผู้สนับสนุนระบอบเดิมอย่างอิหร่านและรัสเซีย ตุรกีเผชิญกับบทใหม่ในยุทธศาสตร์ต่อซีเรีย ซึ่งต้องการการประเมินเป้าหมายและความกังวลใหม่

อังการาได้แสดงการสนับสนุนต่อผู้นำใหม่ของซีเรีย โดยมีการเยือนระดับสูงจากบุคคลสำคัญ เช่น อิบราฮิม กาลิน ผู้อำนวยการองค์การข่าวกรองแห่งชาติ และฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากอาเหม็ด อัล-ชารา ผู้นำโดยพฤตินัยของรัฐบาลใหม่

รัฐบาลตุรกีกล่าวว่าเสถียรภาพทางการเมืองของตุรกีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิ่งนี้ต้องมาพร้อมกับบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียด้วย

ประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอาน กล่าวต่อกลุ่มสมาชิกพรรคความยุติธรรมและการพัฒนา (AKP) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมว่า ความมั่นคงและสันติสุขของซีเรียอาจถือเป็นเรื่องรองสำหรับคนอื่น ๆ แต่เรา…ไม่มีสิทธิ์ที่จะมองข้ามเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะกับประเทศที่เรามีพรมแดนยาวถึง 910 กิโลเมตรร่วมกัน

ตุรกีย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่นำโดยชาวซีเรียทุกฝ่าย โดยฮาคาน ฟิดาน กล่าวที่ดามัสกัสเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมว่า เป้าหมายสำคัญในซีเรียคือการสร้างความสมานฉันท์ระดับชาติ การพัฒนาเศรษฐกิจ และการสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการกลับมาของชาวซีเรียที่พลัดถิ่นจากบ้านเกิดเป็นเวลาหลายปี

การสร้างซีเรียที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน ยังสอดคล้องกับความพยายามของอังการาในการลดแรงกดดันภายในประเทศเกี่ยวกับจำนวนผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนมากในตุรกี

ฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยผิดพลาด และกล่าวโทษผู้ลี้ภัยว่าเป็นต้นเหตุของความยากลำบากทางเศรษฐกิจในตุรกี

วาทกรรมที่ปลุกปั่นโดยกลุ่มขวาจัดได้เพิ่มความรู้สึกต่อต้านผู้ลี้ภัยทั่วประเทศ ซึ่งในบางครั้งนำไปสู่ความรุนแรงต่อชาวซีเรียในตุรกี

การสร้างซีเรียใหม่

ตุรกี ซึ่งเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีภาคการก่อสร้างที่แข็งแกร่ง ตระหนักถึงศักยภาพของตนในการมีบทบาทสำคัญในการสร้างซีเรียขึ้นใหม่ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักในด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และบริการตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

กระทรวงคมนาคม พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติของตุรกีได้ประกาศแผนการซ่อมแซมถนน สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและไฟฟ้าในซีเรียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ซีเรียยังคงต้องการการสนับสนุนทางการเงินและผู้บริจาคเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ดังนั้น ตุรกีจึงมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพันธมิตรในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ

อังการามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกาตาร์ และได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย ทำให้ตุรกีมีความสัมพันธ์ทางการค้าและการเงินที่แข็งแกร่งกับทั้งสามประเทศ ซึ่งสามารถผสานกับอิทธิพลทางการเมืองและการทูตในซีเรียได้

นอกเหนือจากการสร้างซีเรียใหม่แล้ว ความร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับยังสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับโลกอาหรับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ตุรกีได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศอาหรับทุกประเทศ ยกเว้นซีเรียภายใต้ระบอบอัสซาด โดยยังคงยืนหยัดสนับสนุนประเด็นปาเลสไตน์ ซึ่งคาดว่าจะยังคงเป็นจุดสนใจหลักของนโยบายในภูมิภาคนี้

แม้ว่าตุรกีจะไม่ได้ดำเนินนโยบายที่มีลักษณะตามกลุ่มศาสนา แต่การที่อิหร่านถูกมองว่ามีวาระทางศาสนาในภูมิภาค รวมถึงความพยายามของอิหร่านที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ได้สร้างความไม่ไว้วางใจและการแข่งขันระหว่างสองประเทศมายาวนาน

ทั้งตุรกีและอิหร่านต่างพยายามจำกัดอิทธิพลของอีกฝ่าย โดยเฉพาะในประเด็นด้านความมั่นคง

คำถาม YPG

การปรากฏตัวของหน่วยปกป้องประชาชน (YPG) ซึ่งเป็นพันธมิตรของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) ในซีเรีย ยังคงเป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของตุรกี เนื่องจากตุรกีถือว่าทั้งสองกลุ่มมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และมีเป้าหมายแบบแบ่งแยกดินแดนชาติพันธุ์เดียวกัน

PKK ได้ต่อสู้กับรัฐบาลตุรกีมาหลายทศวรรษ ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 40,000 คน ตุรกีถือว่า PKK เป็น “องค์กรก่อการร้าย” เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

YPG ในซีเรียเป็นสมาชิกสำคัญของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพชุมชนเคอร์ดิสถาน (KCK) ซึ่งเป็นองค์กรร่มของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ PKK ในซีเรีย อิรัก ตุรกี และอิหร่าน

ด้วยเหตุนี้ รัฐตุรกีจึงไม่ไว้วางใจ SDF แม้ว่าจะมีกลุ่มชาวอาหรับซีเรียรวมอยู่ด้วย และสิ่งนี้ได้สร้างความตึงเครียดกับสหรัฐฯ

ตั้งแต่ปี 2011 YPG ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโจมตีหลายครั้งในตุรกีโดยการลอบเข้าเมืองจากซีเรีย รัฐบาลตุรกีมองว่าการล่มสลายของระบอบอัสซาดเป็นโอกาสในการกำจัดภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุด

ในขณะนี้ ตุรกีกำลังประสานงานกับรัฐบาลใหม่ของซีเรียเกี่ยวกับ YPG และต้องการให้ผู้นำชุดใหม่มีโอกาสแก้ไขปัญหานี้

อังการาได้เรียกร้องให้ YPG วางอาวุธและรวมเข้ากับซีเรีย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการดำเนินการดังกล่าวหรือไม่

จนถึงขณะนี้ SDF ที่นำโดย YPG ได้เสนอการรวมเข้ากับ “ซีเรียใหม่” โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการปกครองตนเองในระดับท้องถิ่นในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย และการจัดตั้งเขตปลอดทหาร

ในอดีต ตุรกีได้เปิดปฏิบัติการข้ามพรมแดนเข้าสู่ซีเรียเพื่อโจมตีนักรบ YPG ตามแนวชายแดนของตน และอาจทำเช่นนั้นอีกหากการวางอาวุธไม่เป็นผล

YPG มีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุน ซึ่งได้จัดหาอาวุธและฝึกฝน SDF เพื่อทำสงครามกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย

นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในเรื่องซีเรีย จะส่งผลโดยตรงต่อลักษณะการดำเนินการของตุรกีต่อ YPG

หากตุรกีเปิดปฏิบัติการใหม่ จะมีการส่งกำลังทหารเข้าพื้นที่พร้อมการสนับสนุนทางอากาศ นอกจากนี้ยังอาจใช้กองทัพแห่งชาติซีเรีย (SNA) ซึ่งเป็นกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่ตุรกีฝึกฝนและสนับสนุน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรุกในพื้นที่ที่ YPG ยึดครอง

จุดเปลี่ยนในเส้นทาง

ภายในประเทศซีเรียยังคงมีความเปราะบางและอ่อนไหวต่อความตึงเครียดทางศาสนาและชาติพันธุ์ เนื่องจากขาดกลไกด้านความมั่นคงที่มีสถาบันรองรับ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือความตึงเครียดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองต่าง ๆ เช่น ลาตาเกีย ตาร์ตุส และดามัสกัส ความเป็นไปได้ของความไม่มั่นคงนี้ถูกประเมินอย่างรอบคอบโดยอังการา และอาจนำไปสู่การโจมตีทางทหารในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียในไม่ช้า โดยตุรกีจะอ้างว่าเป็นความพยายามป้องกันความตึงเครียดที่อาจลุกลามในประเทศ

อีกประเด็นที่มีผลกระทบสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของตุรกีในซีเรีย คือว่าสหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุน YPG ต่อไปหรือไม่ หรือจะถอนกำลังทหารออกจากซีเรีย

หากรัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนยันที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ YPG ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ความสัมพันธ์ระหว่างอังการาและวอชิงตันในประเด็นซีเรียอาจเสื่อมถอยลงไปอีก และความสัมพันธ์ระดับผู้นำระหว่างทรัมป์และแอร์โดอานที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งอาจได้รับผลกระทบ

ในท้ายที่สุด จุดยืนที่แข็งกร้าวของตุรกีต่อ YPG อาจปะทะกับความไม่แน่นอนของทรัมป์ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องซีเรีย เช่น การค้า อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการลงทุน

อีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับตุรกีคือการขยายบทบาทของอิสราเอลในดินแดนซีเรียนอกเหนือจากที่ราบสูงโกลานที่ถูกยึดครอง ซึ่งตุรกีมองว่าเป็นภัยคุกคามไม่เพียงต่ออธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนซีเรีย แต่ยังรวมถึงความมั่นคงของชาติของตุรกีเอง

การขยายตัวดังกล่าวอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากัน เนื่องจากอังการาเชื่อว่าอิสราเอลจะไม่หยุดการขยายตัวในซีเรีย และท้ายที่สุดอาจคุกคามตุรกีโดยตรง

แอร์โดอานเคยกล่าวในหลายโอกาสว่า หากไม่หยุดยั้งอิสราเอลในตอนนี้ ในที่สุดอิสราเอลจะ “มุ่งเป้าหมายไปที่อนาโตเลียด้วยความเพ้อฝันเรื่องดินแดนที่สัญญาไว้”


โต๊ะข่าวต่างประเทศ เดอะพับลิกโพสต์ แปลและเรียบเรียงจากอัลจาซีรา