RT – ตะวันตกได้ชักนำผู้ก่อการร้ายให้มาโจมตีคนของตัวเอง ด้วยการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์มานานหลายทศวรรษจากความพยายามที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิยุทธศาสตร์ มาร์คัส พาพาดาโพลัส (Marcus Papadopoulos) บรรณาธิการของนิตยสาร โพลิติคส์ เฟิร์ส (Politics First) แสดงความคิดเห็นเและให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซีย เกี่ยวกับเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์
“รากของการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ ก็คือนโยบายต่างประเทศของตะวันตกในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาหรือประมาณนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา รวมถึงอังกฤษและฝรั่งเศสด้วย ที่ได้ทำงานร่วมกับผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์ ในความพยายามที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิยุทธศาสตร์ (geostrategic) และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณได้ร่วมเตียงเคียงหมอนกับกลุ่มคนหัวรุนแรงอันตราย – มันก็กลับมาหลอกหลอนคุณ” เขาบอก RT
“ในอัฟกานิสถานปี 1980 ชาวอเมริกันและอังกฤษได้ให้การสนับสนุนนักรบมุญาฮิดีน รวมทั้งอุซามะห์ บินลาดินต่อสู้กับรัสเซีย ส่วนในปี 1990 ในช่วงสงครามกลางเมืองบอสเนีย ชาวอเมริกันได้อำนวยความสะดวกให้นักรบมุญาฮิดีนที่เข้าไปในบอสเนียเพื่อต่อสู้กับชาวเซิร์บ เพราะชาวเซิร์บกำลังต่อสู้กับพวกอิสลามิสต์ ซึ่งชาวอเมริกันต่อต้านชาวเซิร์บ แต่เท่ากับชาวอเมริกันได้นำนักรบมุญาฮิดีนเข้าไปในยุโรป ชาวอเมริกันบุกอิรักและพวกเขาทำให้อิรักกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะของกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง (fundamentalism)”เขากล่าว
“อังกฤษและฝรั่งเศสเข้าแทรกแซงในลิเบีย และทำให้กลายเป็นรัฐล้มเหลว ตอนนี้มันถูกปกครองโดยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงต่างๆ รวมทั้งไอซิส อเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศสกับพันธมิตรในภูมิภาคของพวกเขา (ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์) ได้สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงในซีเรียและพยายามโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย … เราจะต้องวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของตะวันตก และโดยการทำเช่นนั้นเราจะเห็นว่า ตะวันตกได้นำผู้ก่อการร้ายมาโจมตีคนของตัวเองอย่างแท้จริง” มาร์คัส กล่าวเพิ่มเติม
ฟร็องซัว ออล็องด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันอังคารว่า “โลกกำลังเผชิญการคุกคามทั่วทั้งหมด ซึ่งต้องการปฏิกิริยาตอบสนองจากทั่วโลก” มาร์คัส เห็นด้วยกับคำประกาศนี้
“แน่นอนมันใช่ แต่มันมีมากกว่าที่ตาเห็นตรงนี้ ตัวอย่างเช่น ชาวซีเรียที่ในชีวิตประจำวันต้องตกเป็นเหยื่อการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ซึ่งผู้ก่อการร้ายที่ปฏิบัติการโจมตีชาวซีเรียและสร้างความปั่นป่วนต่อชีวิตประจำวันในประเทศ พวกเขาหล่านั้นได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์” เขาบอกกับ RT
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสพูดถูกที่ว่าทั่วโลกประสบภัยคุกคามจากการก่อการร้าย” มาร์คัส กล่าว แต่เขาระบุว่า ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในการนำภัยก่อการร้ายนี้ไปตามท้องถนน ตัวอย่างเช่นกรณีเหตุการณ์ปารีส
“ภัยคุกคามจากการอิสลามิสต์ก่อการร้าย จะไม่อาจมีพลังอำนาจเช่นวันนี้ หากไม่ได้การสนับสนุนที่พวกเขาได้รับจากตะวันตก และตะวันตกได้ใช้พวกเขาในความพยายามที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิยุทธศาสตร์” มาร์คัสกล่าว
มาร์คัส ให้ความเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะต้องมีพรมแดนอีกครั้ง
“เชงเก้นล้มเหลวและจบสิ้นแล้ว แต่ถ้าเราต้องการที่จะแก้ไขปัญหาภัยก่อการร้ายในระยะยาว เราก็จะต้องคิดในระยะยาว เราได้เห็นจุดจบของนโยบายต่างประเทศของตะวันตกในการใช้นักรบอิสลามิสต์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิยุทธศาสตร์” เขากล่าว
มาร์คัสระบุว่า ซีเรียในขณะนี้คือรากหลักของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์
“เพื่อที่จะลดภัยคุกคามของยุโรปจากการเผชิญกับกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ตะวันตกและพันธมิตรในภูมิภาค -ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์- จะต้องหยุดการสนับสนุนทุกรูปแบบแก่นักรบทุกกลุ่มในซีเรีย” เขากล่าว
มาร์คัสเสนอแนะแก่ชาวอเมริกัน อังกฤษ และฝรั่งเศส ให้บอกกับตุรกีว่า “ให้ปิดชายแดนของคุณกับซีเรียเสีย อย่าอนุญาตให้นักรบอิสลามิสต์ข้ามเข้าไปในซีเรียอีกต่อไป อย่าอนุญาตให้จิฮาดิสต์ข้ามจากตุรกีเข้าไปในซีเรีย”
ตามที่ มาร์คัส ระบุ ตุรกีมีบทบาทสำคัญต่อความขัดแย้งซีเรียและไดhอนุญาตให้ดินแดนของตน “กลายเป็นค่ายฝึกผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์ที่จะเข้าไปในซีเรีย”
” แน่นอนว่า ในปีที่ผ่านมาไอซิสได้เข้ายึดแหล่งน้ำมันในซีเรีย พวกเขาจัดการผลักดันกองทัพซีเรียออกไป และไอซิสก็ได้ขายน้ำมันไปยังตุรกี และ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่เป็นเพื่อนสนิทและพันธมิตรของอเมริกาอังกฤษและฝรั่งเศส ก็เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทางการเงิน”
แต่ภาพใหญ่กว่านี้ อังการาเป็น “หุ่นเชิดของตะวันตก” นักวิเคราะห์กล่าว
“อเมริกาให้ไฟเขียวกับตุรกีในการสร้างความไม่มั่นคงในซีเรีย ในการใช้ผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์ญิฮาดิสต์ในความพยายามทำลายรัฐบาลซีเรีย” มาร์คัส บอกกับ RT
สิ่งที่ตะวันตกและพันธมิตรในภูมิภาคกำลังพยายามทำให้บรรลุเป้าหมายในซีเรียคือการโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย และด้วยการกระทำดังกล่าว “พวกเขาจะสามารถทำลายอำนาจและอิทธิพลของรัสเซียในตะวันออกกลาง รวมทั้งอำนาจและอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลาง” เขากล่าวและว่า “มันเป็นเกมหมากรุกที่ตะวันตกและพันธมิตรในภูมิภาคกำลังเล่น แต่ก็เป็นคนธรรมดาที่ต้องประสบกับทุกข์ทรมาน” มาร์คัส สรุป