ในขณะที่อเมริกาและยุโรปมีการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ในสื่อสังคมของพวกเขา เพื่อที่จะแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของประเทศหนึ่งในยุโรป ทว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายในประเทศที่ไม่ใช่ยุโรปและอเมริกา เสมือนว่าไม่มีใครให้ความสนใจ – ปราศจากความเห็นอกเห็นใจ – ทั้งที่จำนวนพวกเขาที่ตายจากน้ำมือไอซิสยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
หลังจากการโจมตีที่น่ากลัวในบรัสเซลส์ ก็น่าสังเกตว่าการโจมตีครั้งสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นจากการลงมือโดยไอซิส หรือเครือข่ายไอซิสนั้น ถูกรายงานโดยสื่อและได้รับความเห็นใจจากผู้คนในสื่อโซเชียลอย่างไรบ้าง :
22 มีนาคม 2016, บรัสเซลส์, 34 ศพ – พาดหัวข่าว
20 มีนาคม 2015, เยเมน, 137 ศพ – ไม่พาดหัว
18 เมษายน 2015 อัฟกานิสถาน 33 ศพ – ไม่พาดหัว
26 มิถุนายน 2015, ตูนิเซีย, 38 ศพ – ไม่พาดหัว
29 มิถุนายน 2015, เยเมน, 35 ศพ – ไม่พาดหัว
10 ตุลาคม 2015, อังการา, ตุรกี, 97 ศพ – ไม่พาดหัว
31 ตุลาคม 2015 เครื่องบินรัสเซียตก 224 ศพ- พาดหัวข่าว
21 พฤศจิกายน 2015, เบรุต 43 ศพ – ไม่พาดหัว
13 พฤศจิกายน 2015, ปารีส, 130 ศพ – พาดหัวข่าว
2 ธันวาคม 2015, ซานเบอร์นาร์ดิโน 14 ศพ – พาดหัวข่าว
8 มกราคม 2016 ลิเบีย 50 ศพ – ไม่พาดหัว
6 มีนาคม 2016 (เพียง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา) กรุงแบกแดด 47 ศพ – ไม่พาดหัว
13 มีนาคม 2016 (1 สัปดาห์ที่ผ่านมา), แกรนด์ บาสซัม, ไอวอรีโคสต์ 22 ศพ – ไม่พาดหัว
15 มีนาคม 2016 (1 สัปดาห์ที่ผ่านมา), อังการา, ตุรกี, 35 ศพ – ไม่พาดหัว
ไอซิสได้ฆ่าชาวมุสลิมและชาวแอฟริกันมากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างสื่อตะวันตกจะให้ความสำคัญเพียงเมื่อชาวยุโรปและชาวอเมริกันถูกสังหารเท่านั้น
นัยยะนี้สะท้อนความคิดได้ว่า “มุสลิมนั้นอยู่ตรงข้ามเรา” ทั้งที่ในความจริงสิ่งที่เรากำลังเผชิญนั้น คือ ลัทธิจักรวรรดินิยมก่อการร้าย (imperialist terrorist cult) ที่มีเป้าหมายเป็นชาวมุสลิมมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ชายหาดเมืองแกรนด์ บาสซัม (Grand-Bassam) ของประเทศไอวอรีโคสต์ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังเพลิดเพลินในบ่ายวันอาทิตย์ (13 มี.ค.59)
ด้วยอุณหภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น ผู้คนจำนวนมากทั่วไอวอรีโคสต์ต่างมายังเมืองตากอากาศชื่อดังแห่งนี้เพื่อที่จะเพลิดเพลินไปกับทะเล
ทว่าสำหรับผู้ก่อการร้ายนี่เป็นโอกาสดี
ผู้กอการร้าย 6 คนในชุดสีดำได้ปรากฏตัวบนชายหาดแห่งนี้ ทั้งหมดสวมหมวกไหมพรมและถือปืน ก่อนที่ทุกคนจะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ก่อการร้ายก็เปิดฉากยิงแล้ว
พวกเขามีปืนอาก้า (AK-47) และระเบิดมือ ที่ใช้โจมตีทุกคนที่อยู่ในสายตา
พวกเขาเดินแถวลงไปบนหาดทราย กระหน่ำยิงใส่ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก – ทั้งชาวไอวอรีโคสต์และชาวต่างชาติ
กว่าที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงมือปืนผู้ก่อการร้ายก็ได้ฆ่าสังหารทั้งชาวไอวอรีโคสต์และชาวต่างชาติไปแล้ว
“พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งเด็กที่คุกเข่าและร้องขอชีวิต” พยานคนหนึ่งบอกกับบีบีซี “พวกเขายิงผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าอก ผมสาบานผมได้ยินพวกเขาตะโกน ‘อัลลอฮุอักบัร’ พวกเขาได้ฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์”
แต่นอกเหนือจากสื่ออย่างบีบีซีและเอ็นพีอาร์ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นรายงานสำคัญในสื่อตะวันตก
ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 22 คน ซึ่งรวมทั้งมือปืน 6 คน เจ้าหน้าที่ 2 นาย และพลเรือน 14 คน
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า “ในหมู่พลเรือนที่เสียชีวิตเป็นชาวตะวันตก 4 คน ซึ่งรวมบุคคลสัญชาติฝรั่งเศสและเยอรมันตามที่บีบีซีรายงาน สถานทูตสหรัฐฯในเมืองอาบีจาน (Abidjan) กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานว่าพลเมืองของสหรัฐอเมริกาตกเป็นเป้าหมายหรือได้รับอันตราย” ตามรายงานของเอพี
การโจมตีครั้งนี้ถูกอ้างว่า เป็นฝีมือของ อัลกออิดะห์แห่งอิสลามิกมักเร็บ (Al-Qaeda in the Islamic Maghreb : AQIM) ตามรายงานของเว็บไซต์ SITE Intelligence Group แต่พวกเขาก็ยึดตามเพียงสิ่งที่พวกเขาเห็นบนอินเทอร์เน็ต ขณะที่ความจริงก็คือ มีการตรวจสอบการโจมตีครั้งนี้น้อยมาก
อะเลสซาเน่ โอตตาร่า (Alassane Ouattara) ผู้ว่าเมืองแกรนด์ บาสซัม กล่าวว่า “ไอวอรีโคสต์จะไม่ฝืนทนต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ขี้ขลาดเหล่านี้ เราได้ใช้มาตรการที่สำคัญ การโจมตีอยู่ในการควบคุมภายในสามหรือสี่ชั่วโมง ขอขอบคุณกองกำลังความมั่นคงของเรา”
เดอะโพสต์รายงานว่า “เหตุนองเลือดนี้เป็นการโจมตีที่คล้ายกันกับในหลายประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา” ซึ่งไม่เป็นประเด็นข่าวสำคัญของสื่อตะวันตก
ในเดือนพฤศจิกายน มีการยึดโรงแรมในกรุงบามาโก เมืองหลวงของมาลี ฆ่าตัวประกัน 27 คน ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกันคนหนึ่ง กลุ่มนักรบ al-Mourabitoun พันธมิตรของอัลกออิดะห์ อ้างความรับผิดชอบ
ส่วนในเดือนมกราคม เกิดเหตุโจมตีโรงแรมในบูร์กินาฟาโซ ทำให้มีเสียชีวิตอย่างน้อย 23 คนรวมถึงชาวอเมริกัน สองในสี่ผู้โจมตีเป็นผู้หญิง และ AQIM (อัลกออิดะห์แห่งอิสลามิกมักเร็บ) อ้างความรับผิดชอบ
เอพีรายงานว่า “จากการโจมตีดังกล่าว นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงบางส่วนได้ออกมาเตือนว่าไอวอรีโคสต์จะเป็นรายต่อไป”
ทั้ง 3 เหตุการณ์โจมตีในแอฟริกาตะวันตกได้สร้างความหวาดหวั่นว่า กลุ่มอิสลามิสต์ก่อการร้ายหัวรุนแรงจะขยายขอบเขตของพวกเขาไปยังมุมต่างๆ ของทวีปที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เคยแตะต้องมาก่อน
เหตุการณ์ทั้งสามที่เกิดขึ้นคล้ายกับการโจมตีบนชายหาดประเทศตูนิเซียในแอฟริกาเหนือเมื่อเดือนมิถุนายนที่มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิต 38 คน และไอซิสได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
“มันคือการฆาตกรรมหมู่” พยานคนหนึ่งกล่าวและว่า “พวกเขาตะโกน ‘อัลลอฮุอักบัร’ พวกเขาไว้ชีวิตคนที่จะตะโกนคำนั้นและฆ่าทุกคนที่ไม่ได้กล่าว พวกเขามีอย่างน้อยสี่คน สามเดินด้านเรียงแถวตามชายหาด และมีชายคนที่สี่คอยจัดการคนที่รอดชีวิต”
“ผู้คนจำนวนมากวิ่งออกไปในทะเลเพื่อที่จะหลบหนี ดังนั้นนอกจากคนที่เสียชีวิตจากปืนอาจจะมีคนที่จมน้ำและถูกกวาดออกไปในทะเล “เขากล่าวและว่า “พวกเขาเป็น sub-Saharan Africans (แอฟริกันที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า) ถึงแม้พวกเขาสวมหมวกไหมพรม ทุกคนก็เห็นว่าพวกเขามีมือสีน้ำตาล”
“ความจริงมันน่าสยองขวัญ” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ “มันเป็นผู้ก่อการร้ายแน่นอน เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นที่นี่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันไม่ง่าย…มันไม่ง่าย”
ชายอีกคนหนึ่งบอกว่าเพื่อนของเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าของเขา
“ผู้ก่อการร้ายตรงมาที่เพื่อนของผมในขณะที่เขากำลังพูดโทรศัพท์แล้วก็ยิงเขาที่ศีรษะ” เขากล่าวกับรอยเตอร์ “เมื่อเขายิงศีรษะเพื่อนผมแล้ว เขาตะโกนว่า อัลลอฮูอักบัร ซึ่งในขณะนั้นอีกสามคนมาถึงแล้วก็เริ่มลงมือยิง”
จากเรื่องที่กล่าวทั้งหมด คุณคิดว่า ทำไมการโจมตีเหล่านี้จึงไม่ได้รับความสนใจสักเท่าใดจากสื่อตะวันตก??
—-
แปลเรียบเรียงจาก http://countercurrentnews.com
Article by M. David and Shante Wooten