งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ.1437 ปีนี้จัดยิ่งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ “ศาสดาผู้นำการพัฒนาฮาลาล ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม” ร่วมเฉลิมฉลองรำลึกศาสดามุฮัมหมัด และเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” ครองราชย์ครบ 70 ปี โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงาน
“ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีแรกที่ผมได้เป็นประธานจัดงานเมาลิด สิ่งที่เรานำเสนอในปีนั้น คือเรื่องราวความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของศาสดามุฮัมหมัด” รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ประธานจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ.1437 กล่าวกับ “เดอะพับลิกโพสต์”
ดร.วินัย ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาได้รับเลือกจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ให้เป็นประธานจัดงานในปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่สองติดต่อกันในการเป็นประธานจัดงานเมาลิด
เมื่อได้รับเลือกเป็นประธานจัดงานอีกครั้ง ดร.วินัย กล่าวว่า “ งานปีนี้จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว”
เมาลิด มาจากภาษาอาหรับ หมายถึงวันเกิด หรือวันประสูติ โดยการจัดงานเมาลิดของมุสลิมนั้นหมายถึงการจัดงานเฉลิมฉลองและรำลึกถึงศาสดามุฮัมหมัด ผู้เป็นศาสดาแห่งศาสนาอิสลามเนื่องในวันถือกำเนิดของท่านซึ่งมีการจัดกันทั่วโลก สำหรับงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยนั้น จัดโดยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาครัฐ องค์กรการกุศล และองค์กรเอกชน ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี
“สโลแกนของงานเมาลิดกลางในปีนี้คือ ผู้นำการพัฒนาฮาลาล ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม” ดร.วินัย กล่าวและว่า “ท่านศาสดามีความเป็นผู้นำในหลายด้าน แต่ในมุมพหุวัฒนธรรมกลับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีการพูดถึง”
“กอปรกับภาวะปัจจุบันที่สังคมต้องการความสมัครสมานสามัคคี จึงนำมาสู่รูปแบบการจัดงานในครั้งนี้” ประธานจัดงานเมาลิดกล่าว
ดร.วินัยอธิบายถึงเมืองมาดีนะห์ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรอิสลามในยุคศาสดามุฮัมหมัดว่า “ในเมืองมาดีนะห์ยุคนั้น มีทุกศาสนิกชนอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าคริสต์ ยูดาย โซโรเอสเตอร์ มุสลิม และศาสนาอื่นๆ พวกเขาอยู่กันอย่างสงบสุขภายใต้การปกครองของศาสดามุฮัมหมัด”
“ท่านศาสดามูฮำมัดได้ให้แนวทางแก่มุสลิมในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรมไว้มากมาย ท่านกล่าวว่าในฐานะมนุษย์แล้วคนดีที่สุดคือ คนที่ทำดีต่อผู้อื่นมากที่สุด”
“ท่านจึงเป็นมหาบุรุษแห่งพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง” ดร.วินัยเน้นย้ำ
ดร.วินัย ระบุว่า งานเมาลิดในปีนี้จะนิมนต์เจ้าอาวาสจาก 6 วัดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน รวมทั้งจะเรียนเชิญผู้นำศาสนาคริสต์ และศาสนอื่นๆ มาร่วมงาน อันเป็นการฉายภาพของการอยู่ร่วมกันของพหุวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแบบฉบับของท่านศาสดาที่มุสลิมต้องปฏิบัติตาม
“เมื่อท่านศาสดาสั่งให้เราดูแลเพื่อนบ้านนั้น ท่านไม่ได้ระบุว่าให้เราต้องดูแลเฉพาะมุสลิมเท่านั้น แต่ให้เราดูแลเพื่อนบ้านทุกคน” ดร.วินัย กล่าว
ที่สำคัญและพิเศษยิ่งสำหรับงานเมาลิดในปีนี้ นอกจากจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและรำลึกถึงท่านศาสดามุฮัมหมัดแล้ว งานนี้ก็จะเป็นการจัดงานเฉลิมฉลอง 70 ปีการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
“พระองค์ท่านทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ที่ทรงดูแลชาวไทยมุสลิมได้อยู่อย่างรมเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ซึ่งปีนี้นับเป็นปีมหามงคลพิเศษยิ่ง ที่พระองค์ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ดังนั้นงานเมาลิดปีนี้จึงเป็นงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในคราเดียวกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยมุสลิม ได้แสดงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์” ดร.วินัย กล่าว
สำหรับในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์เพื่อเปิดงาน จึงขอเชิญชาวไทยมุสลิม และประชาชนทั่วไปร่วมรับเสด็จโดยพร้อมเพียงกัน ในวันเสาร์ ที่ 30 เมษายน 2559 เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ทั้งนี้งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ.1437 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2559 เป็นเวลา 3 วัน ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ภายในงานประกอบไปด้วย ส่วนของนิทรรศการ การสัมมนา สินค้าในฮาลาลเอ็กซ์โป การออกร้าน กิจกรรมทางศาสนา และอื่นๆ อีกมากมาย