หลังจากรัฐบาล นายกยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารประเทศใกล้จะครบ1ปี หลังการเลือกตั้งวันที่ 3กรกฎาคม 2554 ด้วยนโยบายที่ถูกใจคนรากหญ้า ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ค่าแรง 300 บาท
เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศได้ไม่กี่เดือนก็เผชิญกับวิกฤติน้ำ้ท่วมประเทศไทย ที่ไม่เคยมีครั้งไหนร้ายแรงเท่า ชนิดที่คนกรุงเทพหวาดผวาไปตามๆกัน เพราะส่วนหนึ่งรัฐบาลไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชนและไม่ประสานกันทางการ บริหารและทางการเมือง เพราะเมื่อสัมภาษณ์ท่านนายกก็จะได้รับคำยืนยันว่ารัฐบาลจัดการกับการรับมือ น้ำท่วมว่า ‘เอาอยู่’ กลายเป็นคำพูดที่ฝ่ายค้านนำมาเป็นประเด็นการเมือง
เดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นเดือนที่ร้อนมากในประเทศไทย ชนิดที่การใช้ไฟของการไฟฟ้านครหลวงสูงมากที่สุดในรอบ 54 ปี ของการก่อตั้ง อากาศที่ร้อนผสมกับอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนแรงมากขึ้น
จากผลพวงของการเสนอกฎหมายปรองดอง โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน หัวหน้าคณะปฏิวัติเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จนกลายเป็นประเด็นว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะพรรคฝ่ายค้านมองว่ากฎหมายปรองดองที่จะคลอดออกมาจะเป็นการล้มล้างความ ผิดแก่อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร และผลการศึกษาของกรรมาธิการของสภาโดยสถาบันพระปกเกล้าเสนอให้ยกเลิกคดีที่ เกี่ยวข้องกับ คตส.เพื่อความปรองดอง ซึ่งฝ่ายค้านมองว่า คือกฎหมายนิรโทษกรรมของอดีตนายกทักษิณ ที่กลับมาจะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ
ความร้อนแรงทวีความรุนแรงในสภามากขึ้นในกรณีการอภิปรายแก้รัฐธรรมนูญที่เสนอ ให้มีสสร.(สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) มาแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านเกรงจะมีการบล็อกโหวต เพราะมาจากนักวิชาการสรรหา22คน และการเลือกตั้งจังหวัดละ1คน ที่เกรงว่าหากเลือกตั้งก็จะได้มาของคนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทย
ชนิดที่การอภิปรายในสภาเพียงไม่กี่มาตราใช้เวลานานมากกว่า 9วัน จนมีการประท้วงชนิดที่มีคำพูดเรียกสส.ผู้ทรงเกียรติในสภาว่า”ไอ้หน้าคางคก” หรือเรียกว่า”หมา”กลางสภากลบกระแส สส.ดูคลิปโป๊กลางสภา ไม่ข้ามสัปดาห์ก็มีภาพฉาวกระฉ่อนไปทั่วโลกภาพโป๊บนจอใหญ่ในห้องประชุมขณะ พิจารณากฎหมายในสภา แรกๆเข้าใจว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นเรื่องของ การส่งภาพจากมือถือของสมาชิกรัฐสภาไปสู่จอภาพในห้องประชุม
จนแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า พระว.วัชรเมธีได้กล่าวว่า “สภาควรเป็นที่ที่มีจริยธรรมมากที่สุดในประเทศไทย เพราะสภาเป็นศูนย์รวมของการตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดิน หากสภาไม่วางบรรทัดฐานทางจริยธรรมที่ดีเอาไว้ให้เป็นแบบอย่างแก่สังคมไทย วิกฤตทางจริยธรรมก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยต่อไปอย่างยาวนานกล่าว อย่างสั้นที่สุด วิกฤตทางการเมืองในทุกวันนี้ แท้ที่จริงก็มีปัญหามาจากวิกฤตทางจริยธรรมของนักการเมืองไทยนั่นเอง”
เดือนที่ร้อนสุดได้ผ่่านไปพร้อมกับเข้าสู่ฤดูฝนของเดือนพฤษภาคม ที่การปลดล๊อคทางการเมืองของอดีตนักการเมืองบ้านเลขที่111 กำลังจะพ้นโทษจากคดียุบพรรค และสมาชิกในบ้านก็กลับมาเป็นรัฐมนตรี เพราะเมื่อมีการตัดสิทธิ์คณะผู้บริหาร ทำให้ขาดคนมีความรู้ความสามารถทางการเมืองของคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศขาด ประสิทธิภาพ จนทำให้ข้าวของแพง ชนิดที่มีคำพูดกระแสแผ่จุดติดว่า”แพงทั้งแผ่นดิน” เพราะส่วนหน่ึงของนโยบายการขึ้นเงินเดือน3ปีล่วงหน้า40% ทั้งๆการขึ้นเงินเดือนควรไม่เกิน15% แต่นโยบายการหาเสียงแบบประชานิยมที่มิได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา เป็นลูกโซ่ เพราะวันแรงงานที่ผ่านมามีการสำรวจผู้ใช้แรงงานพบว่าค่าแรง300บาทไม่ส่งผล ต่อรายได้เพราะค่าครองชีพทุกอย่างขึ้นราคาล่วงหน้าไว้แล้ว
ดังนั้นเมื่อค่าแรงขั้นต่ำ่ขยับเป็น300บาทเพียง7จังหวัด ส่วนที่เหลือรอไปในปี2556 แต่ทุกอย่างในประเทศไทยขยับไปก่อนล่วงหน้าทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน แก๊ส ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร สินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิด ขยับขึ้นราคาก่อนล่วงหน้าเรียบร้อย จึงไม่ผิดที่จะพูดว่า แพงทั้งแผ่นดิน.
ดร.ฟาริดา สุไลมาน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายสมัยจังหวัดสุรินทร์ อดีตรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์