AFP/Sputnik – สมาคมวัฒนธรรมมุสลิมอัลบาดร์ (Al Badr) ได้ซื้อโบสถ์ที่เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส ในราคาประมาณ $ 400,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 14 ล้านบาท เพื่อดัดแปลงเปิดเป็นมัสยิด
ซวี่ อัมมาร์ ผู้นำชาวยิวระดับสูงในเมืองมาร์เซย์ กล่าวกับเอเอฟพีว่า เหตุที่โบสถ์ออโตรา (Or Thora) ที่มีความจุ 250 คนถูกขายไปเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้
อัมมาร์ตั้งข้อสังเกตว่ามีโบสถ์ยิวถึง 58 แห่งในตัวเมือง ขณะที่ชาวยิวในท้องถิ่นได้ย้ายออกจากกลางเมืองไปอยู่ชานเมือง
“ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาหรือมากกว่านั้นที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวยิวที่ย้ายไปยังละแวกใกล้เคียงอื่นๆ ” เขาบอกกับเอเอฟพี พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดการแบบนี้ควรได้รับการยกย่องในทางบวก “เราทุกคนมีพระเจ้าองค์เดียวกัน สิ่งสำคัญคือ นี่เป็นการสร้างความสามัคคี”
โบสถ์ดังกล่าวจะกลายเป็นมัสยิดในเร็วๆ นี้ โดยสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเซนต์ชาร์ลส์ ทั้งนี้โบสถ์ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ชาวยิวเดินทางมายังมาร์เซย์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียตอนที่ประเทศได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1962 เมืองแห่งนี้มีชาวยิวราว 70,000 คน ซึ่งนับเป็นชุมชนชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและในยุโรป
ส่วนชุมชนมุสลิมในเมืองนี้และโดยรอบประมาณการว่ามีราว 220,000 คน สมาคมอัลบาดได้สร้างมัสยิดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนถนนสายเดียวกัน แต่อ้างว่าสถานที่ดังกล่าวจุคนไม่เพียงพอ และว่าในการชุมนุมแต่ละครั้งทำให้การละหมาดต้องล้นออกมาบนทางเท้า
ชุมชนมุสลิมในท้องถิ่นริเริ่มการก่อสร้างมัสยิดกลางย้อนกลับไปในปี 2001 แต่โครงการที่ได้รับคำมั่นจากนายกเทศมนตรีของเมืองต้องเผชิญกับความยากลำบากทางการเงิน และความท้าทายทางกฎหมายจากสมาชิกขวาจัดของกลุ่มเนชันแนล ฟรอนต์ (National Front)
ประมาณการต้นทุนก่อสร้างมัสยิดกลางดังกล่าวอยู่ที่ 26 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 910 ล้านบาท) ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส
การขายโบสถ์ยิวกำลังอยู่ในการพิจารณาของสภาเมือง และคาดว่าจะเป็นมัสยิดทางศาสนาอิสลามได้ในช่วงฤดู ร้อน
